Teen Daze และ Mozart s Sister จะมาทำให้ RCA ชุ่มฉ่ำมีชีวิตชีวากว่าเคย
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
ตอนนี้เราอยู่กับ Jamison Isaak แห่ง Teen Daze และ Caila Thompson-Hannant แห่ง Mozart’s Sister เราจะชวนพวกเขามาบอกเล่าการทำเพลงและความรู้สึกที่ได้มาเล่นที่บ้านเราคืนนี้กัน
ทำไมพวกคุณมาทัวร์ด้วยกันได้
เจมิสัน: เราโดนบังคับ (หัวเราะ) ในทางที่ดีน่ะ
เคล่า: เรามีผู้จัดการวงคนเดียวกัน แล้วเราก็ปล่อยอัลบั้มห่างกันแค่สัปดาห์เดียว แล้วมันก็เป็นอะไรที่โอเคถ้าเราจะมาเล่นด้วยกัน เพราะเราไม่อยากจะเล่นเปิดให้ใคร แล้วก็ไม่อยากจะทัวร์กันในฐานะวงเล็ก ๆ ก็เป็นจังหวะที่เหมาะเจาะดีด้วยที่จะตัดสินใจมาเป็น headliner ร่วมกัน
เจมิสัน: ใช่ครับ เราได้เล่นในที่ที่พิเศษหลายที่มากตอนทัวร์ที่อเมริกาเหนือ มีสถานที่ที่จัดเป็นแบบ DIY ได้ไปเล่นให้ปาร์ตี้เปิดอัลบั้มของเคล่าในค่ายเพลง สนุกมากครับ มันไม่เหมือนทัวร์ซะทีเดียว ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน คือถ้าเป็นทัวร์มันจะเหมือนกับเราใช้เวลาหลายวัน เล่นกับหลาย ๆ วง ซึ่งมันค่อนข้างน่าเบื่อ
เคล่า: เหมือนต้องไปเล่นในหลาย ๆ บาร์แค่ในใจกลางอเมริกา แต่อันนี้เราไปทั้งฝั่งตะวันออก ตะวันตก เอเชีย มันเลยน่าสนใจและน่าตื่นเต้นมาก
เจมิสัน: พอเพราะเราไม่ได้เล่นแค่บาร์เดียวในใจกลางอเมริกา มันเลยสนุกครับ
ได้มาโชว์ด้วยกันแล้ว ไม่คิดจะทำเพลงด้วยกันบ้างหรอ
เคล่า: ไม่เคยคุยกันเลย แต่เราน่าจะทำเพลงที่มีเสียงร้องเจ๋ง ๆ ได้ น่าสนุกนะ
เจมิสัน: หรือผมอาจจะทำเพลงออกไปในแนวทางของคุณมากขึ้นนะ เพราะผมอัดเสียงเองที่บ้านเยอะมากจนรู้สึกว่ามัน lo-fi
เคล่า: ฉันไม่เห็นคิดว่าเพลงคุณเป็น lo-fi เลย
เจมิสัน: ผมค่อนข้างประหม่าเวลาต้องทำเพลง แล้วจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นเพลงป๊อปที่อัดมาดีขนาดนั้น อย่างวันนี้เราซาวด์เช็กกันแล้วเพลงของผมมันไหล ๆ เลื้อย ๆ ขณะที่เพลงของเคล่ามันจะบีทหนักกว่ามาก ๆ ผมเลยคิดว่ามันน่าจะสนุกถ้าได้ลองมาทำเพลงด้วยกันจริง ๆ
ทีนี้มาพูดเรื่องอัลบั้มล่าสุดของ Mozart’s Sister บ้าง อัลบั้ม Field’s of Love เล่าเกี่ยวกับอะไร
เคล่า: ฉันแค่อยากทำอัลบั้มสนุก ๆ เพลงฟังดูอ่อนต่อโลก เป็นป็อปที่เกี่ยวกับความรักโรแมนติก คือฉันชอบความรู้สึกตอนที่กำลังมีความรัก อาจจะฟังดูงี่เง่านะ แต่ก็อยากเอาความรู้สึกนั้นมาถ่ายทอดในแบบที่คิดไว้ก่อนที่จะตกหลุมรักขึ้นมาจริง ๆ ไม่แน่นะมันอาจจะพาให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิตฉันก็ได้ เอาจริงฉันแค่อยากทำเพลงป๊อปตามขนบของมันเฉย ๆ ที่ชอบพูดเรื่องความรักน่ะ
แต่มีบทความนึงเขียนว่าเพลงป๊อปของคุณค่อนข้างเป็นเพลงหัวรุนแรงนะ
เคล่า: ไม่รู้สิ ฉันแค่รู้สึกว่าอยากลองทำอะไรที่ท้าทายกับเพลงป๊อปแบบที่เคยฟังมา อยากลองทำให้มันแตกต่างดู ซึ่งเอาเข้าจริงเพลงป๊อปมันมีหลากหลายรูปแบบมาก บวกกับฉันชอบเต้นด้วย ฉันชอบเวลาที่ทุกอย่างถูกหยิบมารวมกันและลองเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้น คือถึงแม้ว่าฉันอยากจะเขียนเพลงป๊อปรัก ๆ ตามขนบ แต่ฉันก็มีความขบถทางดนตรีอยู่นิดนึง
เจมิสัน: ดูเป็นป๊อปจริงจังมากกว่าป๊อปหัวรุนแรงรึเปล่า นี่คือเพลงป๊อปแหละ เพียงแต่คุณแค่อยากลองทำอะไรกับมันอย่างที่คุณต้องการแค่นั้นเอง
เคล่า: ใช่ นั่นแหละ ป๊อปจริงจัง (หัวเราะ)
แล้วอัลบั้ม Theme of Dying Earth ของ Teen Daze ล่ะ
เจมิสัน: มันเป็นการนำสิ่งที่ผมพบเจอและเคยทำมาสารพัดก่อนหน้านี้มาถ่ายทอด รวมถึงได้พินิจพิเคราะห์สภาพจิตใจของผมในช่วงที่ผ่านมา ทั้งความเหนื่อยหน่าย ซึมเศร้า จนผมมารู้ว่าสาเหตุของการเกิดอาการเหล่านี้ว่ามันมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่รอบ ๆ ตัวผม รวมถึงโลกด้วย คือผมเกิดกลัวขึ้นมาว่าทิศทางของโลกใบนี้จะเป็นยังไงต่อไป ในฝั่งตะวันตกของแคนาดาจะพูดถึงเรื่องโลกร้อนกันบ่อยมาก เพราะผมอาศัยอยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงามมาก ๆ จนกลัวว่าวันนึงคนรุ่นหลังเราอาจจะไม่ได้เห็นธรรมชาติสวยงามแบบที่เราเห็นอีกแล้ว ผมเลยอยากลองสังเคราะห์ความรู้สึก และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเพลง แล้วการที่ผมเพิ่งซื้ออุปกรณ์ดนตรีใหม่ ๆ มาก็เลยได้โอกาสทดลองซาวด์ต่าง ๆ ผมอยากลองทำเพลงที่ดูสนุกและมองโลกในแง่บวก เพื่อให้มันขัดกับความกลัวที่ผมกำลังเผชิญอยู่ ดนตรีก็เลยมีความแข็งแรง แล้วเขียนเนื้อเพลงให้เศร้าเข้าไว้ (หัวเราะ)
ในเพลงของคุณได้องค์ประกอบของเสียงที่เป็นเอเชียนด้วย
เจมิสัน: ใช่ครับ มีเสียงที่ผมอัดมาจากตอนอยู่บาหลีมาใช้ในเพลง แล้วผมก็ชอบดิสโก้ 80s ของญี่ปุ่นด้วย ในเพลงนึงของผมก็จะได้อิทธิพลจากตรงนั้นมา ซาวด์ก็จะออก 80s หน่อย นอกจากนี้ก็ได้ Dustin Wong มาเล่นกีตาร์ให้ คือเขาใช้ทักษะการเล่นกีตาร์ที่ได้กลิ่นอายของดนตรีญี่ปุ่นมาเยอะมากมาทำให้เพลงของผมพิเศษขึ้น อีกอย่างคือผมก็ชอบญี่ปุ่นอยู่แล้ว การได้มาทัวร์เอเชียเลยเป็นอะไรที่สุดยอดมาก มันเป็นสถานที่ที่ให้แรงบันดาลใจชั้นยอด มีอะไรเกิดขึ้นเยอะมาก เพลงป๊อปในแต่ละประเทศในเอเชียก็น่าสนใจมาก มันมีความเฉพาะตัวสูง อีกทีคือเราเป็นคนแคนาดา แล้วเรารู้สึกว่าดนตรีของแถบอเมริกาเหนือมันมีความน่าเบื่ออยู่น่ะ
เคล่า: แต่ฉันว่าเพลงอเมริกันมันเข้าถึงคนทั่วโลกได้นะ แล้วสิ่งที่น่าสนใจก็คือในอเมริกามันมีเมืองที่เป็นเหมือนชุมชนที่เหนียวแน่นของดนตรีประเภทนั้น ๆ อยู่ แต่ขณะเดียวกันช่วงอายุของแต่ละวงก็มีแนวโน้มที่จะสั้นลงด้วย ซึ่งพอพูดถึงเพลงกระแสหลักแล้วฉันว่าการที่มันไปไกลได้ขนาดนั้นมันน่าทึ่งอยู่นะ
เจมิสัน: มันก็ใช่ แต่ถ้าพูดถึงรวม ๆ มันก็ดูเหมือน ๆ กันหมด แต่ถ้าพูดถึงแวนคูเวอร์ แคนาดา เป็นเมืองที่ผมชอบนะ เพราะมันมีวัฒนธรรมที่หลากหลายเกิดขึ้นในที่เดียว ฟังดู post-modern มาก ๆ แต่เอาเข้าจริงมันเป็นเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจ เราสามารถเลือกใช้เสียงแบบต่าง ๆ ได้จากวัฒนธรรมตรงนั้น
เคล่า: สำหรับฉันถ้าพูดถึงวัตถุดิบเอเชียน ฉันคิดว่าเพลงป๊อปญี่ปุ่นให้แรงบันดาลใจเยอะมากนะ คือเพลงญี่ปุ่นมันดูร่วมสมัยอยู่แล้ว และธรรมชาติของมันก็ดูเป็นเพลงใส ๆ สดใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็มีความเป็นมืออาชีพทางดนตรีอยู่สูง เหมือนถ้าพูดถึงโมซาร์ท จริง ๆ เขาทำเพลงป๊อปในยุคสมัยเขานะ แต่พอตอนนี้เรานิยามเขาว่าเป็นคนทำเพลงคลาสสิก ซึ่งในยุคนั้น เพลงของเขาก็เป็นส่วนผสมของความสดใหม่ และมีทักษะขั้นสูงทางดนตรี นั่นล่ะมันเลยทำให้ฉันรู้สึกว่า J-Pop เป็นอะไรที่มีความละเอียดละออ จริงจัง แบบโมซาร์ท และมีเอกลักษณ์ในตัวเองสูงมาก เสียงร้องนักร้องเขาจะมีความเหมือนเด็ก ซึ่งนำมาผสมลงในเพลงป๊อปที่ซับซ้อนได้ลงตัวดี ซึ่งมันยากมากถ้าจะเอามาทำในสไตล์อเมริกันป๊อป ให้เราทำไงก็ไม่เหมือนเขา
เจมิสัน: จริงนะ เหมือนกันกับการที่ผมฟังเพลงของ Drake บ่อยมากในช่วงนี้ เมื่อเทียบกับเพลงของผมที่มันดูซอฟต์กว่ามาก เพลงเขาดีโคตร หรือแม้แต่ศิลปินโฟล์ก ที่เขาสามารถทำเพลงดิบ ๆ ให้ออกมาดูละมุนละไมได้ แต่คงไม่คิดว่าจะเอามาทำเป็นเพลงของตัวเองได้แบบเขา
สิ่งที่ดีที่สุดของการทำเพลงสำหรับคุณคืออะไร
เจมิสัน: ผมเป็นคนที่ชอบขลุกอยู่ในสตูดิโอ งั้นก็คงเป็นการได้อยู่ในสตูดิโอครับ ผมชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ และได้ทำเพลงเรื่อย ๆ
เคล่า: คงเป็นความรู้สึกที่ต้องไล่จับมันตลอดเวลา ฉันว่าฉันรู้สึกมีชีวิตชีวาที่สุดเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนั้น หรือเวลาที่เราได้แบ่งปันเพลงใหม่ ๆ หรือเกิดความรู้สึกพิเศษขณะเล่นบนเวที แม้มันจะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ฉันก็ชอบที่จะทำมันอยู่เรื่อย ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะมีสิ่งอื่นที่ทำให้รู้สึกได้แบบที่ดนตรีทำให้ฉันรู้สึกได้หรือเปล่า
เจมิสัน: มันเป็นอะไรที่ไม่ยั่งยืน ผมรู้ว่าสักวันนึงเราอาจจะไม่ได้ทัวร์อีกต่อไปแล้ว เพราะในอนาคตผมกับภรรยาอาจจะมีลูก หรืออาจจะต้องมีแผนการอื่นในชีวิตที่ต้องไปทำ แล้วถ้าผมเป็นพ่อคนขึ้นมา ผมก็จะไปใช้เวลาในบาร์ทุกคืนแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เหมือนเราก็ต้องหาทางบาลานซ์การรับผิดชอบชีวิตและวิ่งไล่ตามสิ่งที่ตัวเองรักให้พอดีให้ได้
ถ้าต้องเขียนเพลงเกี่ยวกับกรุงเทพ ฯ พวกคุณจะเขียนออกมาแบบไหน
เคล่า: เราไปเล่นที่ญี่ปุ่น เกาหลี เซี่ยงไฮ้ มันดูเป็นเมืองที่จริงจังหมดเลย ส่วนกรุงเทพ ฯ ดูเหมือนเป็นเมืองปาร์ตี้มาก ๆ เมื่อคืนนี้ฉันออกไปเดินเล่น แล้วได้ยินรถเปิดเพลงแดนซ์ดังลั่น ฉันว่าต้องเป็นอะไรที่ดูผิดกฎหมาย หน่อย ๆ อากาศอบอ้าว ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นที่เขาดูเป็นระเบียบ มีกฎเยอะมาก ฉันรู้สึกเกร็งมากเพราะบางทีก็กลัวว่าจะทำอะไรไม่สุภาพออกไปหรือเปล่า ที่จีนก็เหมือนกัน ที่นี่ดูเปิดกว้างกว่ามาก มีดนตรีอยู่ทั่วไปหมด ฉันอยากใส่บีทหนัก ๆ นอยซ์เยอะ ๆ มีแบล็กไลท์ อาจจะมีวงร็อกมาเล่นด้วย
เจมิสัน: ผมอยากทำเป็น tropical cyber punk คือมันดูเป็น futuristic แปลก ๆ ในความร้อนชื้นแบบนี้ เออ อาจจะทำเป็นอิเล็กทรอนิกแต่มีแบนด์มาเล่นไปด้วย น่าสนนะ
คาดหวังอะไรกับโชว์ในค่ำคืนนี้
เจมิสัน+เคล่า: นึกไม่ออกเลย
เคล่า: ฉันว่าฉันต้องเมาแน่ ๆ
เจมิสัน: คือเราเคยไปเล่นในที่ที่แปลกมาก แบบ เป็นอาคารไม้สองชั้น บริเวณรอบ ๆ นั้นก็เงียบมาก แล้วใครผ่านไปผ่านมาต้องได้ยินและได้เห็นอย่างแน่นอน มันก็ดูเกร็ง ๆ น่ะ แต่คืนนี้ผมได้เล่นที่ที่เป็นคลับ ผมคิดว่าเซ็ตของผมจะเล่นได้ดีที่นี่นะ แล้วเคล่าก็จะเล่นก่อนผม เพลงของเธอมันบิ๊วคนให้สนุกได้ ก็ต้องขอบคุณเคล่ามาก ๆ ที่จะทำให้คนดูสนุกก่อนเข้าสู่โชว์ของผม (หัวเราะ)