Suuns วง Experimental Rock จากแคนาดา กับเพลงหนักหน่วง ดำดิ่ง ไร้ที่สิ้นสุด
- Writer: Montipa Virojpan
- Photos: Secretly Canadian
พรุ่งนี้แล้วที่เราจะได้ไปสนุกกับดนตรีแปลกใหม่ที่เดือดดาล ดำมืด จากการผสานเอาความหนักแน่นของเพลงร็อก กับความลื่นไหลชวนโยกไม่หยุดของอิเล็กทรอนิกมาไว้ด้วยกัน กับวงจากแคนาดาที่มีชื่อว่า Suuns ใครยังไม่รู้จักพวกเขา เราขอชวนให้มาอ่านบทสัมภาษณ์นี้
หลายคนเคยเรียกวงของคุณว่า ‘ซันส์’ แต่จริง ๆ แล้วมันอ่านว่า ‘ศูนย์’ ในภาษาไทย ทำไมถึงตั้งชื่อเป็นคำนี้
ตอนแรกเลยวงเราชื่อ ‘Zeroes’ ครับ แต่พอเริ่มตั้งใจทำให้มันจริงจังขึ้นก็คิดว่าต้องเปลี่ยนชื่อเพราะมีหลายวงใช้ชื่อนี้ไปแล้ว เดี๋ยวซ้ำกันฮะ แล้วเราก็คิดว่าถ้าชื่อ SUUNS ก็คงจะเท่ดี ทั้งการเขียน การออกเสียง แล้วมันก็มีความหมายเดียวกับชื่อเดิมของวงเราด้วย
เคยมาประเทศไทยมาก่อนไหม คุณว่าประเทศนี้จะเป็นยังไงในความคิดคุณ
ไม่เคยมาเลยครับ แต่ตื่นเต้นมากที่จะได้มา ได้ยินว่าอาหารอร่อยแล้วก็มีผู้คนเจ๋ง ๆ เยอะมาก ผมเลยจินตนาการว่าที่นี่ต้องเป็นประเทศที่มีสีสันและมหัศจรรย์แน่ ๆ
หลาย ๆ วงเริ่มทำเพลงจากป๊อปหรือร็อกมาก่อน อะไรทำให้คุณเลือกที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขนาดนี้
จริง ๆ ก็เหมือนกันนะครับ มันไม่มีสูตรตายตัวหรอก เวลาคุณแจมกับเพื่อนในห้องซ้อมแล้วลองหาไอเดียใหม่ ๆ ใส่เข้าไป ผมว่ามันคือการที่ต้องฟังเพลงให้เยอะเข้าไว้ จะได้รู้ว่าพวกวัตถุดิบเหล่านั้นมาจากไหน และเราจะเอามันไปใช้ยังไงมากกว่า
แล้วทำไมถึงเอาอิเล็กทรอนิกมาใส่กับความเป็นวงร็อก
เราชอบทั้งร็อกแอนด์โรล แล้วก็เพลงอิเล็กทรอนิกครับ มันเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่แต่มันก็มีความสมดุลกันบางอย่างในทั้งสองแขนงดนตรีที่เราเอามารวมกันได้ครับ
คนส่วนมากชอบฟังอะไรที่ซาวด์สะอาด ๆ ชัด ๆ ทำไมคุณถึงทำเพลงรก ๆ นอยซ์เยอะ ๆ
เพราะมันทำให้เรารู้สึกดีครับ อย่างที่บอกว่าในชีวิตนึงเราฟังเพลงกันเยอะมาก แล้วมันทำให้เราลงลึกเข้าไปในความคิดของเราอีกที ยิ่งเรามีความรู้เรื่องเพลงหรือดนตรีมากขึ้น ไม่ว่าเสียงแบบไหน จะต่างจากที่คุณเคยฟังมาก่อนเท่าไหร่ มันก็สามารถกลายมาเป็นเสียงที่คุณชอบได้
รู้สึกยังไงเวลามีคนบอกว่าเพลงของคุณเครียด ย่อยยาก ฟังยาก
เพลงเราเครียดครับ และแน่นอนว่าก็ฟังยากแหละ แต่ก็เพราะเราไม่ได้ทำเพลงป๊อปไง ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ครับ
อะไรทำให้วงของคุณแตกต่างจากอิเล็กทรอนิกร็อกวงอื่น ๆ
ไม่คิดว่าเราพิเศษกว่าวงอื่นนะครับ น่าจะเป็นเพราะว่าเราดึง reference มาจากหลายที่มาก ๆ มันเลยทำให้มีไอเดียหลากหลายมากกว่า
คุณใช้เวลาในการทำแต่ละอัลบั้มนานขนาดไหน ปกติแล้วคุณมีรูปแบบหรือโครงสร้างในการเขียนแต่ละเพลงหรือเปล่า เพราะแต่ละเพลงดูลื่นไหล คาดเดาไม่ได้ เหมือนเป็นการอิมโพรไวส์แทบทั้งหมด คล้ายว่าปล่อยให้สัญชาตญาณสร้างงานออกมา
ทุกอัลบั้มไม่เหมือนกันเลยครับ แต่ละเพลงส่วนใหญ่จะทำเดโม่กันมาก่อนแล้วเอาไปแจมกันตอนซ้อมว่าจะเวิร์กไหม หรือบางทีเวลาเราไปอัดเนี่ยเราก็ได้ร่วมงานกับคนอื่น แต่อย่างอัลบั้มล่าสุด Felt เราก็ทำกันเองหมด มันก็เลยทำให้วิธีการทำงานไม่เหมือนกันเลยครับ
รู้สึกว่าเพลงในอัลบั้ม Felt ฟังง่ายขึ้น และดูสว่าง ๆ ให้ความรู้สึกในด้านบวกมากกว่าเดิม ทำไมถึงทำให้เพลงดูย่อยง่ายแล้วก็ไม่อึดอัดแบบแต่ก่อน (คุณใช้คำว่ามันดู ‘swag’ ขึ้นในข้อมูลอัลบั้มของคุณด้วย)
ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบไหนเลยครับ มันออกมาเป็นแบบนั้นของมันเอง ผมว่าพวกไอเดียใหม่ ๆ และสไตล์การเล่นสดของเราที่ต่างไป มันมาจากการที่พวกเริ่มมีความมั่นใจในตัวเราแต่ละคน และความเป็นวงของพวกเราว่าเพลงมันควรจะเป็นยังไง บรรยากาศในอัลบั้มเลยออกมาเป็นแบบนั้นครับ
คอนเซปต์ของอัลบั้มนี้คืออะไร
การสร้างงานดนตรีที่ดีครับ
ได้ทำงานกับ John Congleton แล้วรู้สึกยังไงบ้าง ระหว่างการร่วมงานมีความยากหรือความกดดันอะไรไหมเพราะเขาก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้วงดัง ๆ เยอะมากตั้งแต่ Blondie, Marilyn Manson, St. Vincent, Erykah Badu ไปจนถึง Explosions in the Sky หรือ Sigur Ros
เขาเป็นคนที่เจ๋งมากและเป็นโปรดิวเซอร์ที่มีพรสวรรค์ครับ เหมือนเขาเป็นปราชญ์มาโปรดอะ เขาสามารถแทรกแซงความคิดของเราในจุดที่เราจะต้องตัดสินใจเลือกว่าจะไปทางไหน แต่ขณะเดียวกันเขาก็มองเห็นว่าเราก็มีจุดแข็งอะไรบ้าง และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรจะปล่อยให้จุดแข็งนั้นเริ่มทำงานด้วยตัวของมันเอง
เพลงไหนในอัลบั้มที่อยากให้ลองฟังกัน
เชียร์ X-Alt ครับ เพราะมันเป็นเพลงแนวใหม่มาก ๆ ของเรา มันก็ฟังดูเป็นเพลงของเราเนี่ยแหละ แต่มันมีความน่าสนใจตรงการใช้เสียงร้อง แล้วก็แซมพ์ที่หยิบมาใช้ มันให้บรรยากาศที่ค่อนข้างใหม่ทีเดียวครับ
สามารถเรียกพวกคุณว่าเป็นวง krautrock ได้ไหม คุณคิดว่าคุณเป็นวงแบบไหน และมีใครที่เป็นอิทธิพลในการทำเพลงของคุณบ้างหรือเปล่า
พวกเราชอบเคราต์ร็อกครับ ผมว่ามันมีความมินิมัลบางอย่างในเคราต์ร็อกที่ตอบรับกับความเป็นพวกเรามาก ๆ เราไม่รู้ว่าจะเรียกเพลงของตัวเองว่าเป็นแนวอะไรดี เพราะพื้นฐานจริง ๆ ของพวกเรามาจากทั้งคลาสสิกร็อก ไปจนถึงดนตรีเต้นรำ แต่ว่าก่อนหน้านี้เราอินกับ Led Zeppelin มาก พวกมือกีตาร์เก่ง ๆ พวกนั้น แล้วก็งานดาร์กมินิมัลลิสต์แบบ Plastikman ครับ
คุณมองว่าตัวเองเป็นศิลปิน นักดนตรี หรือนักวิทยาศาสตร์ เพราะหลาย ๆ เพลงของคุณเหมือนเป็นงานทดลองชิ้นนึงเลย
นักดนตรีครับ เพลงเรามันเป็นเพลงทดลองก็จริง แต่เราก็ควบคุมตัวแปรของเราเสมอโดยการรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ถึงกับลองผิดลองถูกครับ
คิดว่ายุคไหนเป็นยุคที่ดนตรีดีที่สุดสำหรับคุณ บางคนบอก 70s บางคนบอก 90s
ดีหมดเลยครับ ทุกอย่างดูดีเสมอแหละเวลาเรามองย้อนกลับไป
Montreal เมืองบ้านเกิดของพวกคุณ ได้ให้แรงบันดาลใจหรืออิทธิพลกับงานเพลงของคุณยังไงบ้าง
เป็นเมืองที่เยี่ยมครับ คุณควรมาสักครั้งนะ มีสถานที่มากมายให้คุณไปทั้งเล่นและดูดนตรี มีคนรุ่นใหม่เจ๋ง ๆ เยอะมาก แล้วค่าครองชีพถูกครับ ผมว่ามันเป็นสังคมที่ดีสำหรับศิลปินเลยล่ะ
รัฐบาลแคนาดาได้ให้การสนับสนุนการเงินหรือช่วยโปรโมตวงในประเทศบ้างไหม อย่างในเกาหลีใต้นี่เขาให้พวกบอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปเป็นแหล่งทำเงินหลักของประเทศเลยนะ
ประมาณนึงครับ มันมีโครงการสนับสนุนวัฒนธรรมแคนาเดียน ซึ่งดีครับที่มีการซัพพอร์ตศิลปะ เขาอาจจะไม่ได้ให้เงินคุณมากขนาดนั้นแต่มันเป็นใบเบิกทางให้คุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นครับ
ตอนที่ Have You Heard? ชวนมาเล่นที่นี่รู้สึกยังไงบ้าง เรารู้จักวงมาตั้งแต่อัลบั้ม Images du Futur แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ดูที่กรุงเทพ ฯ
ไม่เคยคิดเลยครับว่าจะมีโอกาสได้มาเล่นที่นี่ เรารู้สึกว่านี่มันพิเศษมาก เป็นเกียรติและโชคดีมาก ๆ ครับ
พูดอะไรกับแฟนเพลงหน่อย
ตื่นเต้นมากครับที่จะได้ไปเล่นที่กรุงเทพ ฯ แล้วก็ดีใจที่ชวนเรามาเล่นครับ มันค่อนข้างยากที่วงแบบพวกเราจะมีทัวร์ในเอเชีย หรือโดยเฉพาะกับในประเทศไทยเนี่ย รู้สึกโชคดีมาก ๆ ครับและอยากให้คุณมาดูพวกเรา มาสนุกกับพวกเรา รู้สึกพิเศษจริง ๆ และรอที่จะได้เจอทุกคนอยู่นะครับ xoxoxoxoxoxo
ไปเจอกับพวกเขาได้ที่ HYHBkk Live! with SUUNS 20 มิถุนายนนี้ ที่ De Commune ซื้อบัตรได้ที่ Ticketmelon หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่