แจกความสดใส ปาหัวใจรัว ๆ ให้ Stella Donnelly เจ้าของเพลงน่ารัก เนื้อหาแสบ ๆ คัน ๆ
- Writer & Photographer: Montipa Virojpan
Stella Donnelly นักร้องสาวชาวเวลช์ ที่ครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอยู่ออสเตรเลีย ได้ปล่อยผลงานป๊อปจนโด่งดังในและเป็นที่รักของนักฟังทั่วโลก เธอเป็นหนึ่งในไลน์อัพของ The Alex Blake Charlie Sessions และได้เปิดโอกาสให้เราเข้าไปพูดคุยถึงเพลงใส ๆ แต่มีเนื้อหาแสบ ๆ แถมยังพูดเรื่องเพศอย่างตรงไปตรงมา จนได้รู้ว่าเธอคือสาวหัวก้าวหน้าที่น่าทำความรู้จักมาก ๆ คนนึงเลยล่ะ
ได้ข่าวว่าเพิ่งผ่านวันเกิดของพ่อของคุณมาไม่กี่วัน สุขสันต์วันเกิดค่ะ
ขอบคุณค่ะ ปีนี้ท่านอายุ 60 แล้ว เราก็เตรียมเซอร์ไพรส์ให้ด้วย คือพ่อเป็นคนน่ารักมาก เราก็เลยต้องทำให้แน่ใจว่าทุกคนจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วพอเราจะออกไปกินข้าวกัน ตรงนั้นมีแม่ พี่ชาย กับน้องสาว แล้วฉันก็เป็นคนจัดการนัดลุง ป้า อา พี่น้องของพ่อทุกคน มีหกคนน่ะค่ะ ให้ทุกคนมารวมตัวกัน บินมาหาพวกเราที่ย้ายมาอยู่ไกลถึงออสเตรเลีย ว่าให้ไปรอที่บ้านแล้วไปซ่อนหลังกำแพง เราก็นัดกันให้อยู่นิ่ง ๆ เงียบที่สุด พอพ่อเข้าบ้านมาฉันก็ให้สัญญาณทุกคนกระโดดเข้าหาพ่อ ฉันนึกว่าเขาจะเป็นลมไปนะคะเนี่ย (หัวเราะ) คือจริง ๆ ฉันชอบใช้เวลาอยู่กับครอบครัวค่ะ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราดีใจแค่ไหนที่ได้อยู่กับพวกเขา
ต้องไปทัวร์อีกกี่ที่ถึงจะได้กลับบ้าน
ที่สิงคโปร์นี่ที่แรกค่ะ แล้วก็เดี๋ยวไปโตเกียว โอซาก้า โตเกียวอีกรอบ แล้วก็กลับบ้านค่ะ อยากมาทัวร์แบบสบาย ๆ สนุก ๆ แปปเดียวกลับบ้านบ้าง
คราวที่แล้วมาสิงคโปร์เป็นยังไงบ้าง
เคยมาเมื่อนานมาแล้ว มาเล่นวงคัฟเวอร์ที่งานเขาจ้างมา เล่นพวกเพลงตลก ๆ Walking On Sunshine เล่น AC/DC แต่ก็สนุกดีค่ะ
รู้สึกยังไงที่ได้มาเล่นที่งานนี้
เป็นเรื่องที่พิเศษมาก ๆ ค่ะ คือในงานนี้มีศิลปินที่เป็นนักร้องนำหญิงหรือวงหญิงล้วนเยอะมาก ซึ่งตอนนี้ในออสเตรเลียก็เริ่มมีให้เห็นเยอะแล้วเหมือนกัน แล้วมันดีมาก ๆ ที่ฉันได้มารู้จักกับ SOAK ศิลปินจากไอร์แลนด์ เมื่อคืนเราบังเอิญเจอกันที่ที่พักน่ะ (หัวเราะ) ก็เลยได้คุยกัน แล้วเมื่อกี้ก็ได้ดูเขาเล่นสดด้วย โห ชอบมาก ฉันกลายเป็นแฟนคลับไปแล้วค่ะ
มีวิธีพักหลังจากเล่นคอนเสิร์ตยังไงบ้าง
ฉันจะกลับเข้ามาในห้อง แล้วก็เขียนเพลง เหมือนได้กลับมาในพื้นที่ส่วนตัว ก่อนหน้านี้ฉันทัวร์เยอะมากแล้วมันวุ่นวายไปหมดเลย ก็หวังว่าจบจากทัวร์นี้จะได้เพลงใหม่เพิ่มขึ้นอีกเยอะในปีหน้าค่ะ
คิดว่าเวนิวไหนเจ๋งที่สุดที่เคยไปเล่น
สถานที่ที่เจ๋งที่สุดที่ฉันเคยไปเล่นมาอยู่บนเกาะ ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว คลื่นสูงมาก มันทั้งมืด และหนาว ได้ความรู้สึกแบบกอธิค เท่มาก ๆ แล้วอีกทีก็คือได้เล่นบนรถกระบะที่กำลังเคลื่อนอยู่ (หัวเราะ) นานมากแล้วค่ะ ตอนนั้นเราเล่น AC/DC กันบนรถด้วย โชคดีมากที่ฉันรอดชีวิตมาได้เนี่ย ส่วนที่มาเล่นที่นี่ มันเป็นโรงไฟฟ้าเก่าใช่ไหมคะ เจ๋งมากเลย ถ้ารอบหน้ามีคนถามฉันแบบนี้ฉันจะตอบว่าที่นี่ละกันนะคะ (หัวเราะ)
มีคนเคยเขียนวิจารณ์อัลบั้มของคุณว่าเป็นเหมือน ‘สาราณุกรมดนตรีที่พูดถึงคนแย่ ๆ —ไม่ว่าคนที่เธอด่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย แต่ทุกสิ่งที่เล่ามาในเพลงคือคุณสมบัติของคนเหี้ย’
(หัวเราะ) ฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับที่เขาเขียนน้า อัลบั้มนั้นเขียนขึ้นมาจากตัวฉันเอง แล้วหลาย ๆ เพลงก็เหมือนกับฉันกำลังส่องกระจกพูดกับตัวเองอยู่ว่า ‘นังโง่‘ ‘นังคนชั่ว’ ซึ่งเพลงอกหักในชุดนั้นส่วนมากคือความผิดของตัวฉันเอง มีแค่ไม่กี่เพลงที่พูดเรื่องพวกเหยียดผู้หญิง หรือปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายคนในสังคมชายเป็นใหญ่ จริง ๆ ฉันชอบนะที่เขาเรียกมันว่า ‘สาราณุกรมคนเหี้ย’
นึกถึง (500) Days of Summer เลย เคยดูไหม รู้สึกยังไงที่หลายคนเกลียดซัมเมอร์ที่ทิ้งทอมไป
เคยดู! คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย… ฉันว่าซัมเมอร์เป็นสาวในฝันของใครหลายคน สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง แต่พอคุณมานึกได้ว่าเธอไม่ได้ต้องการคุณขนาดนั้นเธอก็กลายเป็นอีกอย่างไปเลย… โห ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้นานมาก ๆ แล้ว ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ถ้ากลับไปดูจะรู้สึกเหมือนตอนที่ดูครั้งนู้นหรือเปล่า 5 ปีแล้วมั้ง แต่ตอนนั้นฉันจำได้ว่าฉันคิดว่าเธอก็แค่ใช้ชีวิตของเธอแบบที่เธออยากจะทำแหละ… อู้ว ดีจัง ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ
อะไรทำให้ทำดนตรีออกมาสไตล์นี้
คือฉันเล่นดนตรีได้หลายแนวตั้งแต่อายุ 16-17 ปี เล่นหลายเครื่องดนตรี คีย์บอร์ด กีตาร์ ไม่ได้แค่ร้องอย่างเดียว พ่อสอนเล่นอะไรก็เอาหมด แล้วฉันก็ได้ทำวงกับเพื่อน เล่นคัฟเวอร์มาก็หลายแบบ จนมีวงที่ทำเพลงของตัวเอง เล่นมา 6 วงแล้วมั้ง พังก์ร็อกก็มี เล่นไปเล่นมาก็พบว่าที่ผ่านมาฉันสนุกไปกับการร้องเพลงแหละ แต่ยังไม่มีแนวที่เหมาะกับตัวเอง ไม่มีเรื่องราวที่อยากจะเล่าเองจริง ๆ เลย พอมาคิดได้ว่าเสียงของฉันเป็นแบบนี้ มีเรื่องแบบนี้อยู่ในหัว ก็เลยคิดว่าจะทำเพลงแบบที่ทำอยู่ ก็ทำมาจนตอนนี้ 27 ละ ประสบการณ์มันสั่งสมให้ฉันเป็นแบบนี้แหละค่ะ
คุณเป็นคนเวลส์ที่มาอยู่ที่ออสเตรเลีย คุณได้นำเสนอการผสมผสานของทั้งสองสถานที่ลงไปในเพลงบ้างไหม
ฉันพยายามทำแบบนั้นในเพลงนึง สุดท้ายก็ออกมาได้แค่ครึ่งเดียวของเพลงนั้น (หัวเราะ) ฉันอยากให้บรรยากาศของบ้านเกิด กับสไตล์ของออสเตรเลียตะวันตกที่อาศัยอยู่เข้าไปในซาวด์ แล้วฉันได้บาริโทนกีตาร์มา เสียงมันค่อนข้างจะต่ำกว่ากีตาร์ทั่วไป แล้วฉันก็สนุกกับการเขียนเพลงจากโทนนั้น
ทำไมถึงตั้งชื่ออัลบั้มว่า Beware of the Dogs
ในอัลบั้มมีเพลงชื่อนี้ด้วย ฉันเอาชื่ออัลบั้มมาจากเพลงนั้นค่ะ ตอนที่ฉันเขียนคืออยากจะเปรียบเปรยว่า บางทีเราจะเห็นป้ายว่าให้ ‘ระวังสุนัขดุ’ แล้วเราจะเกิดความรู้สึกหลอน ๆ ว่า อะไรที่น่ากลัวกว่ากัน คนหรือหมา ทำไมคนถึงอยู่กับหมาดุได้ อะไรแบบนี้ มันทำให้ฉันโยงไปถึงว่า ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ การบริหารบ้านเมืองเอย ฉันก็อยากจะให้มีได้บรรยากาศแบบเพลงการเมืองหน่อย ๆ ในชื่ออัลบั้ม
เราชอบสิ่งที่คุณร้องออกมาในเพลง Boys Will Be Boys มันตรงไปตรงมามาก เคยเจอคนออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมันบ้างไหม
ฉันอยากพูดแทนคนที่ไม่ค่อยจะสะดวกใจที่จะทำอะไรตามขนบ แบบแผนของสังคม ซึ่งฉันมักจะเจอคนมาวิจารณ์ในเน็ตเยอะ ๆ แต่ฉันแอบรู้สึกดีนะที่อะไรก็ตามที่ฉันทำมันสร้างแรงกระเพื่อม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ให้คนรู้สึกกระอักกระอ่วนได้ เราไม่จำเป็นต้องคล้อยตามกับคนอื่นตลอด และมันสำคัญมากที่จะเกิดการแลกเปลี่ยน ถกเถียงกัน ฉันร้องเพลงบางเพลงแล้วมีคนที่มาดูบอกว่า ‘ขอบคุณมากที่ทำเพลงแบบนี้ ฉันมีลูกสาว มีลูกชาย คราวนี้ฉันจะได้มีตัวอย่างที่จะสอนเขาได้’ ฉันรู้สึกดีใจมาก ๆ ค่ะ
การเป็นศิลปินหญิง ต้องใช้ความพยายามมากกว่าไหมในการทำให้ผลงานเป็นที่รู้จักในแวดวงดนตรี
ให้ตอบสั้น ๆ ก็ใช่ แต่สมัยนี้มันง่ายขึ้นมากที่เพลงของเราจะไปถึงคนฟัง เพราะตอนนี้หลายคนและหลายอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนมุมมองต่อผู้หญิงไปเยอะ ซึ่งมันช่วยมาก ๆ แถมมันยังเปิดกว้างขึ้นกับทุกเพศ ในวงของฉันก็มีผู้ชายสองคนที่ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาสนับสนุนและช่วยเหลือฉันเสมอ ตอนนี้รู้สึกว่าคนเริ่มมีความเท่าเที่ยมกันในหลายมิติ ฉันแอบโชคดีนิดนึงที่เป็นผู้หญิงผิวขาวที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย ฉันเลยได้สิทธิประโยชน์มากกว่าคนอื่น และจากตรงนั้นฉันก็จะใช้มันช่วยเหลือคนอื่น มีคนชายขอบ คนลี้ภัยเยอะมากในออสเตรเลีย เราต้องให้ความสำคัญกับพวกเขาเหล่านั้นมากขึ้น
มีวิธีสนับสนุนเรื่องสิทธิสตรียังไงบ้าง
ฉันมักจะใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือเนี่ยแหละเวลาอยู่บนเวที ฉันจะสื่อสารอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องความเท่าเทียมออกไป ซึ่งตอนนี้มีคนข้างนอกอีกมากมายที่เห็นฉัน สนใจเพลงของฉัน ฉันเลยจะใช้พื้นที่ตรงนี้แหละผลักดันให้คนเห็นความสำคัญของเรื่องนี้
ได้แรงบันดาลใจในการแต่งตัวมาจากอะไร
ปกติฉันซื้อของมือสอง มันถูกดี (หัวเราะ) แล้วฉันก็ชอบสไตล์สมัยก่อน ก็เลยจะไปซื้อตามพวกร้านขายของมือสอง หรือร้านเพื่อการกุศล แค่ 10 ดอลก็แจ๋วแล้ว อันที่จริงฉันสนใจเรื่อง sustainable fashion อยู่ค่ะ ฉันอาศัยอยู่กับผู้หญิงสองคนมาพักนึง แล้วพวกเรามีข้อตกลงว่าจะไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วเราก็จะแบ่งเสื้อผ้ากันใส่ ทำแบบนี้มาสองปีแล้วค่ะ (หัวเราะ) ส่วนตอนนี้ฉันอยู่กับแฟน แล้วสไตล์การแต่งตัวของเขาค่อนข้างน่าเบื่อ ฉันก็เลยแบ่งเสื้อฉันให้เขาได้ใส่ด้วย… ล้อเล่นนะคะ (หัวเราะ)