การรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว Slowdive กับการกลับมาพร้อมอัลบั้มใหม่หลัง 20 ปีที่ห่างหาย
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Tunlaya Dunnvatanachit
ใครที่เป็นแฟนเพลงดนตรี shoegaze หรือดนตรีอัลเทอร์เนทิฟร็อกหูพร่าปลายยุค 80s ถึงต้น ๆ 90s คงไม่มีใครไม่รู้จัก Slowdive วงจากอังกฤษที่เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในแนวดนตรีนี้ และตอนนี้เรากำลังจะได้พูดคุยกับพวกเขาทั้งห้าคนตัวจริงเสียงจริงกันแล้ว
สมาชิก
Rachel Goswell (ร้องนำ, กีตาร์, คีย์บอร์ด, เพอคัสชัน)
Neil Halstead (ร้องนำ, กีตาร์)
Nick Chaplin (เบส)
Christian Savill (กีตาร์)
Simon Scott (กลอง)
จริงหรือเปล่าที่นิคไม่ได้เล่นเบสมา 20 ปีแล้ว พอกลับมาเล่นมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปไหม
นิค: (หัวเราะ) ผมก็เล่นอยู่บ้างครับก่อนที่เราจะกลับมาทำอัลบั้มชุดใหม่กัน เพราะเรามีช่วงที่กลับมาเล่นโชว์ด้วยกันประมาณสองปีก่อนหน้า แล้วมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปซักเท่าไหร่เพราะเดิมทีผมก็ไม่ได้เล่นเก่งอะไร แทบจะเหมือนเดิมด้วยซ้ำครับ ผมแค่ต้องกลับมาแกะเพลงเก่า ๆ ว่ามันเล่นยังไง แต่ผมคิดว่าทุกคนในวงก็ต้องกลับมาแกะท่อนของตัวเองเหมือนกัน… จริง ๆ ส่วนของผมก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอกครับ (ยิ้ม)
แล้วกับทุกคนล่ะ
นีล: เราแค่กังวลมากกว่าในการกลับมารวมตัวกันครั้งนี้ว่า มันจะรู้สึกไม่เหมือนตอนที่เรายังเล่นด้วยกันเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่พอขึ้นเวทีมาเล่นด้วยกันจริง ๆ แล้วมันแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ความเป็นอยู่อะไรต่าง ๆ เราก็ยังเหมือนเดิมเนอะ ก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอยู่ตลอด แม้ว่าจะมีหลายคนที่กลายมาเป็นพ่อแม่คนแล้วแต่นิสัยก็ยังเหมือนเดิม
เรเชล: เหมือนกลับมาเล่นดนตรีกับเพื่อนด้วยกันอีกครั้งน่ะค่ะ
เจอความยากยังไงบ้างในการกลับมาทำอัลบั้มใหม่
นิค: มันแค่ใช้เวลามากกว่าที่เราคิดในการอัดเพลงใหม่ เราไม่ได้อาศัยอยู่เมืองเดียวกันแล้ว และเราต้องไปเล่นโชว์เยอะ มันเลยค่อนข้างยากที่จะนัดทำเพลงกัน… แต่จริง ๆ ก็ไม่ยากขนาดนั้นนะ เราก็ได้ลองใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการอัดเพลงที่บ้านของตัวเองแล้วส่งหากัน การแชร์ไอเดียเวลาเขียนเพลงมันก็คล้าย ๆ เดิม
แต่ตอนเราไปเล่นโชว์ด้วยกันที่เมืองเกิดของเรา เรารู้สึกทันทีว่าทุกคนยังเข้ากันได้ดีอยู่ ยังสนุกที่จะเล่นดนตรีด้วยกันอยู่ แล้วเราอยากทำเพลงด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ แค่มันจะใช้เวลามากหน่อยเท่านั้นเอง พอแก่แล้วก็มีเรื่องโน่นนั่นนี่ที่ต้องทำเยอะอะเนอะ
ทำไมถึงใช้ชื่ออัลบั้มล่าสุดเป็นชื่อเดียวกับชื่อวง ปกติศิลปินวงอื่น ๆ จะใช้เป็นชื่ออัลบั้มแรกไม่ใช่เหรอ
นีล: เราแค่รู้สึกว่ามันเป็นการเริ่มต้นใหม่ของพวกเรา แล้วมันก็เป็นชื่อที่ดี ก็เหมาะแล้วที่จะใช้เป็นชื่อของงานชุดนี้
ใช้เวลาทำอัลบั้มนี้นานไหม
นิค: น่าจะสามปีครับ ตอนเรากลับมารวมตัวกันเราก็มีความคิดที่ทำเพลงใหม่ทันที ใช้เวลาทำเดโม่โน่นนี่นั่น หาวัตถุดิบกันนานอยู่ ส่วนขั้นตอนการอัดค่อนข้างเร็วครับ ใช้เวลาจริง ๆ แค่สามเดือน
หลังจากที่คุณปล่อยอัลบั้มใหม่ออกมา การได้มาเล่น Laneway มีความสำคัญกับคุณยังไง และการมาเล่นที่สิงคโปร์ส่งผลกับการแสดงใน South East Asia ของคุณยังไงบ้าง
นีล: เรารู้สึกดีมากครับที่ได้มาที่นี่ มันค่อนข้างเร็วนะที่เราได้เล่นในเทศกาลดนตรี แบบ นี่เพิ่งต้นปีเอง Laneway เป็นเฟสติวัลแรกของปี ก็คิดว่าหน้าร้อนปีนี้น่าจะได้เล่นเฟสติวัลเยอะ น่าจะได้ไปอีกหลายที่ในโลก เดี๋ยวก็จะมี Laneway ที่นิวซีแลนด์ กับออสเตรเลีย ผมก็รอที่จะได้ไปเล่นอยู่
เรเชล: เราไม่เคยได้เล่นในประเทศพวกนั้นด้วยกันเลย
นิค: จริง ๆ เราเคยมาเล่นโชว์ของตัวเองที่นี่เมื่อปี 2014 (FJZ: หนูมาดูด้วย ฮือ) โอ้ เยี่ยมเลย มีแฟน ๆ ของเราในโลกออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ บอกว่า มาเล่นที่ออสเตรเลียหน่อยสิ เราอยากไปเล่นนะ แต่เราต้องรอโอกาสเหมาะ ๆ ที่จะได้มา ก็นั่นแหละครับ มันค่อนข้างเซอร์ไพรส์ที่โอกาสนั้นมาถึงเร็วขนาดนี้ การมาสิงคโปร์ครั้งนี้ก็เหมือนกัน การได้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลเป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ
นีล: แล้วก็ได้หนีมาจากหน้าหนาวที่บ้านเราด้วย (เรเชล: ช่ายยยย ได้เจอแดดอุ่น ๆ กับเขาสักที) รู้สึกดีที่ได้เจอความร้อนบ้างครับ
นิค: จริง ๆ เราก็มีงานเล่นหน้าร้อนที่ยุโรปนะ แต่ก็นึกออกใช่ไหมอะหน้าร้อนยุโรป เดือนมกราคมมันไม่เหมือนกับที่นี่
คุณหายไปจากซีนดนตรีหลายปีมาก ๆ เคยนึกกลัวเสียงตอบรับจากคนดูบ้างไหมตอนที่คุณตัดสินใจกลับมาทำเพลง
นีล: เราแค่คิดว่าเราอยากจะทำเพลงใหม่ เราไม่ทันคิดว่าคนจะชอบมันไหม
นิค: อื้อ แค่นั้นเลย เรามีความกดดันน้อยมาก เราแค่มีความสุขที่จะได้ทำเพลงใหม่อีกครั้ง ได้ทำเพลงด้วยกัน
คุณคิดยังไงกับซีนดนตรี shoegazer หรือ dream pop ในปัจจุบัน
เรเชล: ตอนนี้มีหลายวงเลยจากยุคนั้นนะคะที่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ แล้วก็ทำเพลงใหม่ ๆ ออกมาด้วย วงดนตรีเดี๋ยวนี้ก็ทำเพลงแนวฟุ้ง ๆ กันเยอะ ฉันว่ามันเป็นคำที่ประหลาดแหละเวลาคนพูดถึงดนตรีแนวนี้ ฉันไม่คิดว่าใครจะเลือกฟังแต่ชูเกซเป็นหลักหรอก เพราะอันที่จริงพวกเราเองก็มีแนวดนตรีที่ชอบไม่เหมือนกันเลยนะ
นิค: ผมไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้มันเป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่านะ ทั้งเรื่องแนวเพลงหรือแม้แต่ค่ายเพลงน่ะครับ แต่เมื่อสองสามปีที่ผ่านมามีคนพูดถึง ‘shoegaze revival’ หรือการที่วงรุ่นใหม่ ๆ หันกลับมาสนใจและชอบเพลงสไตล์นี้ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าไหร่แล้วแหละ มันอยู่ที่ว่าเพลงไหนดีมากกว่า แล้วก็ถึงแม้ว่าคุณจะรู้ชื่อเรียกแนวเพลงนั้น ๆ แต่เวลาคุณทำเพลงของคุณเอง คุณคงไม่รู้หรอกว่าจะเรียกเพลงของตัวเองว่าเป็นแนวอะไรจนกว่าจะมีคนอื่นผ่านมาฟังแล้วบอกกับคุณ ซึ่งมักจะเป็นอะไรที่คุณนึกไม่ถึงหรอก
อะไรทำให้คุณตอบตกลงมาเล่นที่ Laneway สิงคโปร์ และคุณรู้สึกว่าการเล่นเฟสติวัลกับเล่นโชว์ของตัวเองต่างกันยังไง ชอบแบบไหนมากกว่า
เรเชล: ไม่ยากเลยค่ะที่จะตอบตกลงมาเล่นเนี่ย (หัวเราะ)
นิค: เราพยายามออกไปเล่นในหลาย ๆ ที่ เราอยากไปทัวร์ที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มานานแล้วเหมือนกัน ซึ่งมันก็แอบยุ่งยากนิดนึงถ้าจะบินมาเองจากอังกฤษโดยไม่ได้รับเชิญจากเฟสติวัลหรือผู้จัดที่ไหนเลย ผมเลยคิดว่าถ้าเรามีโอกาสได้รับเชิญจากใครก็ตาม มีคนช่วยโปรโมตโชว์ให้ เราก็อยากจะมา แล้วผมก็คิดว่าผมอยากเล่นเฟสติวัลมากกว่าโชว์ของตัวเองนะ คือมันดีแหละที่จะเล่นโชว์ของเราเองในผับ ได้เล่นเซ็ตที่นานกว่าให้คนที่ซื้อตั๋วมาดูเราโดยเฉพาะ แต่ขณะเดียวกันเฟสติวัลมันดูน่าสนุก โดยเฉพาะกับการได้มาเล่นในที่แบบนี้ที่อยู่คนละซีกโลกกับเรา แล้วมีวงดนตรีวงอื่น ๆ อยู่ร่วมไลน์อัพกับเรา เราก็ได้ดูโชว์ของพวกเขา ส่วนมากก็เป็นวงที่พวกเราชอบด้วย นั่นน่าจะเป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่เราอยากมาเล่นเฟสติวัลครับ
คุณเคยได้ยินอะไรที่ประหลาดที่สุดจากแฟนเพลงของคุณ
เรเชล: เคยได้ยินเหรอ
นีล: เล่นอะไรที่มันดี ๆ หน่อยสิ (หัวเราะ)
นิค: คนไม่ค่อยตะโกนกันในโชว์ของเรานะ ส่วนมากยืนดูกันเงียบ ๆ แบบ ตั้งใจฟัง อีกนิดนึงใช้คำว่าให้เกียรติกับเพลงของเราแล้วอะ มันดูเงียบจนแปลกมาก
แล้วกับของขวัญประหลาดที่เคยได้จากแฟน ๆ ล่ะ
(การสัมภาษณ์นี้เป็นการสัมภาษณ์ร่วมกับสื่ออื่น จุดนี้เราคิดว่า วงได้ยินคำถามผิดเป็น ‘เคยได้ยินอะไร What’ve you ever heard?’ แต่สื่อเจ้านั้นคงตั้งใจถามว่า ‘What you’ve ever had from the fans?’ — Fungjaizine)
นิค: ผมได้ลูกอมมินต์ (หัวเราะ) ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเคยได้อะไรบ้าง มันแปลกนะเพราะคนที่ให้ของผมเนี่ย… เราไม่เคยเจอกันมาก่อน… ผมอาจจะไม่เคยเห็นเธอแต่เธอน่าจะเคยเห็นผมแหละ คือวันนั้นทุกคนได้ของขวัญทั่ว ๆ ไป แต่ผมได้เป็นลูกอมมินต์… คือ ผมปากเหม็นหรอ? (หัวเราะ)
พวกคุณถือว่าเป็นวงในตำนานวงนึง รู้สึกยังไงที่มีชื่ออยู่ในไลน์อัพร่วมกับวงรุ่นใหม่เจ๋ง ๆ ทั้ง The Internet หรือ Mac DeMarco
นิค: เราแค่พยายามที่จะทำให้ได้ดีที่สุดแหละครับ แล้วก็พยายามทำตัวให้กลมกลืนกับพวกเขา เราไม่ใช่วงใหม่ แต่เราก็พยายามจะทำตัวเป็นวงรุ่นใหม่ แล้วก็พยายามที่จะโฟกัสกับเพลงจากอัลบั้มใหม่ไปพร้อม ๆ กับหยิบเพลงชุดก่อน ๆ มาเล่นด้วย เราจะไม่คิดว่าเราคือวงจากในอดีตครับ
คิดว่ารูปแบบการฟังเพลงสมัยนี้ต่างจากเมื่อยี่สิบปีก่อนยังไง ชอบแบบปัจจุบันหรือเมื่อก่อนมากกว่า
นีล: เดี๋ยวนี้สะดวกขึ้นเยอะครับ สตรีมมิงก็ทำให้คนหาเพลงฟังง่ายขึ้นมาก แต่เราก็คิดถึงช่วงเวลาที่ไปร้านขายแผ่นเสียงด้วยกัน
นิค: ผมชอบการฟังเพลงจากแผ่นเสียงมากกว่านะ มารวมตัวกันบ้านเพื่อนแล้วฟังด้วยกัน สตรีมมิงมันก็เจ๋งอะ หาฟังทุกอย่างบนนั้นได้
เรเชล: แต่ฉันไม่เคยเลิกซื้อแผ่นเสียงเลยนะ ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้จริง ๆ สำหรับฉันมันเป็นประสบการณ์ทางดนตรีที่ดีที่สุดเพราะนอกจากจะฟังแล้วเรายังสามารถสัมผัสมันได้ สตรีมมิงก็เจ๋งแหละ หาเพลงฟังได้รวดเร็ว แต่ฉันก็ยังรักไวนิลอยู่ดี
นอกเหนือจากการมานั่งทำเพลงในสตูดิโอ พวกคุณทำกิจกรรมอะไรร่วมกันอีก
เรเชล: ไม่ค่อยมีหรอกค่ะ (หัวเราะ)
นีล: ก็นัดเจอกันบ้างแหละครับ ไปโน่นไปนี่ด้วยกันบ้าง
ใกล้ทำเพลงใหม่หรือยัง
นิค: อาจจะได้ทำครับ แต่ผมว่าตอนนี้เรายังอยู่ในขั้นตอนโปรโมตอัลบั้มใหม่กันอยู่เพราะเพิ่งปล่อยไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงทัวร์ แต่เราก็อยากทำอย่างอื่นเพิ่มด้วยเหมือนกัน ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ