คุยกับ Phoenix แบบครบวง กับคำถามที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับพวกเขา
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
ก่อนหน้านี้เราได้คุยกับ Thomas Mars กันไปแล้วทางโทรศัพท์ทางไกล (Long Distance Call ไหมล่ะแก) แต่หนนี้ Laurent Brancowitz, Christian Mazzalai และ Deck D’arcy ก็มาอยู่กับเราในห้องสัมภาษณ์ตรงนี้ครบทั้งสี่คนแล้ว
เอาล่ะ บรรทัดต่อไปนี้ทุกคนจะได้รู้ว่าการทำงานและประสบการณ์ทัวร์อัลบั้ม Ti Amo ในรอบผ่าน ๆ มาของพวกเขาสนุกประทับใจขนาดไหน
ทำไมถึงใช้ชื่ออัลบั้มว่า Ti Amo
บรังโค: ‘ติ อาโม่’ แปลว่า ผมรักคุณ ในภาษาอิตาเลียน ซึ่งอัลบั้มนี้มันจะเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก และมีความเป็นอิตาลีครับ
ทำไมถึงบอกว่าอัลบั้ม Ti Amo เป็นเจลาโตที่กำลังละลาย
บรังโค: จริง ๆ ภาพมันชัดมากเลยนะ แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี (หัวเราะ)
โธมา: เหมือนช่วงฤดูร้อนในความทรงจำของเราที่จืดจางไปน่ะครับ เหมือนไอศกรีม มันเป็นอะไรที่อร่อย แล้วเราจะมีเวลาเพียงน้อยนิดในการกินก่อนที่มันจะละลาย มันให้ความรู้สึกหวนคิดถึงวันเก่า ๆ เศร้าสร้อยแต่งดงามในขณะเดียวกัน
คนชอบบอกว่าอัลบั้มของ Phoenix มักจะทำให้นึกถึงฤดูร้อนที่ผ่านพ้นไป พอจะเป็นไปได้ไหมว่าในอนาคตคุณจะทำเพลงที่ให้ความรู้สึกแบบฤดูหนาวอันหมองหม่น
บรังโค: ตอนที่เราทำอัลบั้มนี้กันมันเป็นเดือนมิถุนายนครับ ซึ่งภาพมันก็ชัดตั้งแต่ตอนแรกเลยว่าเราตั้งใจจะทำเพลงที่สื่อถึงฤดูร้อน ก็ไม่แน่นะครับ เราอาจจะทำเพลงเกี่ยวกับคริสต์มาสอีกก็ได้ (พวกเขาเคยนำเพลง Alone on Christmas Day ของ The Beach Boys ที่ออกในช่วงคริสต์มาสมาทำใหม่และถูกใช้ในหนังสั้น Netflix เรื่อง A Very Murray Christmas กำกับโดย Sofia Coppola)
ได้ยินว่าตอนที่กำลังทำอัลบั้มนี้อยู่ก็เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่โรงละครบาตาคลองในฝรั่งเศส แต่คุณต้องติดอยู่ในสตูดิโอ ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง
บรังโค: ตอนที่เกิดเรื่องในปารีสคืนนั้น ทุกอย่างถูกปิดลงกะทันหัน ซึ่งคริสก็ต้องติดอยู่ในนั้น มันน่ากลัวมาก ไม่ใช่แค่ทางกายภาพครับ มันส่งผลให้เรามีความรู้สึกที่แปลกไปมากทีเดียว เหมือนว่าเหตุการณ์ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนรุนแรงบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
ถ้าคุณต้องนิยามวง Phoenix ด้วยคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสหนึ่งคำ คำนั้นจะเป็นคำว่าอะไร
บรังโค: ตอนเราทำเพลงกันทีแรกเรามีค่ายที่โปรดิวซ์งานเป็นของตัวเอง ชื่อ Loyauté ในภาษาอังกฤษคือ loyalty เรามีความจงรักภักดีซึ่งกันและกัน เราเดินไปพร้อม ๆ กัน ทั้งในวงเราก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปี มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวไปด้วย ในที่นี้รวมไปถึงผู้คนที่เราไปทัวร์ในที่ต่าง ๆ เราก็รู้สึกว่าได้เดินไปพร้อม ๆ กับพวกเขา
คุณอยากให้คนเซิร์ชเจออะไรเมื่อพิมพ์คำว่า Phoenix ลงในกูเกิ้ล
โธมา: ไม่รู้เหมือนกันสิครับ มันมีหลายสิ่งหลายอย่างมากในอินเทอร์เน็ตเกินกว่าที่เราจะควบคุมได้ แต่อย่างน้อยเราก็ทำอะไรหลาย ๆ อย่างในอัลบั้มนี้ด้วยตัวของเราเอง ทั้งปกอัลบั้ม หรือรูปที่เราใช้ส่งไปยังสื่อต่าง ๆ เราก็ถ่ายกันเอง ก็ แล้วแต่ว่ามันจะโชว์อะไรขึ้นมาครับ
คริส: อย่างปกเนี่ยเราก็แค่วาดมันขึ้นมาเฉย ๆ เป็นรูปหัวใจแล้วรู้สึกว่า เอ้อ มันก็ใช้ได้นี่หว่า (หัวเราะ)
พวกคุณทำเพลงมาก็ 20 ปีได้แล้ว คุณคิดว่าตัวเองมีความเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างจากวันแรกจนถึงวันนี้
โธมา: น่าเศร้าที่เราไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย (หัวเราะ) มันดีนะแต่ก็เศร้านิดนึงตรงที่… ผมเพิ่งอ่านจดหมายของน้องเขยอีกรอบนึง (Roman Coppola น้องชายของ Sofia Coppola ผู้กำกับชื่อดัง ภรรยาของโธมา) มันเหมือนเป็นสิ่งที่เขาเขียนผมเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เขาเจอมันอีกรอบในคอมเขามั้งแล้วก็ส่งมาให้ผม ซึ่งพออ่านแล้วมันก็… ไม่รู้จะพูดยังไงดีเลย (หัวเราะ) เหมือนเดิมเลย
คุณเขียนเพลงหลายภาษา ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาเลียน แล้วคุณคิดว่าดนตรีจะเป็นอีกภาษาของมวลมนุษยชาติไหม
โธมา: เราพยายามจะทำเพลงให้ได้หลาย ๆ ภาษาเพราะเราอยากทำอะไรที่มันพิเศษ ไม่เหมือนใคร พวกเราชอบคำถามที่มีแรงกระทบกับคนส่วนใหญ่นะ แต่เรามันแค่คนตัวเล็ก ๆ เอง เราไม่รู้จริง ๆ ว่าดนตรีจะเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติได้ไหม
ถ้าต้องเขียนเพลงโดยที่มีประเทศไทยเป็นแรงบันดาลใจ เพลงจะออกมาเป็นแบบไหน
โธมา: ถ้ามาถึงที่นี่แล้วก็น่าจะเป็นเพลงลูกทุ่งครับ มันจะมีช่วงที่เราจะไม่ฟังเพลงเลยเพราะเราก็มีเพลงของเราเองอยู่แล้ว แต่พอถึงตอนที่ได้ทัวร์ยาวจะเป็นช่วงที่เราจะกลับมารู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง เราจะได้แรงบันดาลใจเยอะมาก พอเจอเพลงพวกนี้แล้วรู้สึกว่ามันมีการผสมผสานที่แปลกดี เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันมีต้นตอมาจากอะไร ซึ่งมันก็ดูมีความเป็นไปได้ว่าเราจะได้อิทธิพลจากสิ่งนี้มา ไม่แน่ถ้าเราได้ไปประเทศอื่นในวันพรุ่งนี้เลย ก็อาจจะได้ส่วนผสมใหม่ของเพลงที่เราได้ฟังตอนอยู่กรุงเทพ ฯ กับสิ่งที่จะได้ยินในอีกประเทศ พวกเราชอบความที่ความสร้างสรรค์พวกนี้มันมักจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเราก็ซื้อพวกเครื่องดนตรีใหม่ ๆ จากที่นี่มาแล้วเหมือนกัน
เพลงของ Phoenix จะถูกนำไปใช้ประกอบหนังของ Sofia Coppola อีกครั้งในเรื่องใหม่ The Beguiled คราวนี้จะเป็นเพลงดังเพลงไหน หรือจะทำขึ้นใหม่เลย
โธมา: มันเป็นหนังโกธิคเนอะ ดังนั้นเพลงมันก็จะทำขึ้นใหม่หมดเลย
คริส: คราวนี้จะเป็นเพลงบรรเลง เป็น score เลยครับ
เพลงอะไรที่ติดอยู่ในหัวของพวกคุณในตอนนี้
เด็ค: รอแปปนะครับ (หยิบมือถือขึ้นมาไล่ดูเพลง) เพลง Happy Ending ของ Alex Cameron ครับ ติดอยู่ในหัวมาหลายวันแล้ว
บรังโค: เมื่อวานเราไปร้องคาราโอเกะกันแล้วเลือกเพลง Wichita Lineman ของ Glen Campbell ครับ
คริส: เราโตมาด้วยกันก็จะฟังอะไรคล้าย ๆ กันเนี่ยแหละครับ
ความที่ Phoenix เป็นวงดัง เวลาไปไหนมาไหนมีคนจำพวกคุณได้บ้างไหม
โธมา: ตอนนั้นผมกำลังนั่งเครื่อง Southwest Airlines จาก LA ไป Dallas แล้วมีแอร์โฮสเตสที่เป็นแฟนคลับของวงเรา เธอเปิดเพลง 1901 ตอนที่เครื่องกำลังจะลงจอด พวกผู้โดยสารบางคนก็ตื่นเต้น ส่วนบางคนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็ประหม่านิดหน่อย
คุณ crowdsurfing ในทุกโชว์เลย อะไรทำให้คุณตัดสินใจกระโดดไปหาคนดูแบบนั้น
คริส: ยกเว้นที่บาหลีนะ (หัวเราะ)
โธมา: ตอนแรกผมไม่กล้าหรอก คิดว่าจะทำไม่ได้ด้วย แต่พอเราเห็นว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างล่างเวที บรรยากาศมันบิ๊วเกินไป คุณอยู่บนเวทีมันก็เป็นความรู้สึกหนึ่ง คุณก็อยากลงไปใกล้ชิดเจอแฟนเพลงของคุณ อยากจะไปเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา มันสนุกมาก ๆ นะถ้าหนนึงคุณได้ทำมันแล้วก็อยากจะทำอีก มันเสพติดในความประทับใจแบบนั้น แต่บางที่ผมก็ไม่ได้ทำนะถ้ามันอันตรายเกินไป อย่างที่ฟิลิปปินส์ หรืออย่างคืนนี้ผมก็ไม่กล้า คือเป็นเวทีที่สูงมากจริง ๆ ผมอาจจะต้องมีหมอนรองคอใส่กันเหนียวไปด้วย (หัวเราะ)
เคยทำตัวเป็นร็อกสตาร์ที่ชอบขอนู่นนี่เป็นพิเศษจากทีมงานไหม
บรังโค: เราไม่ค่อยเป็นร็อกสตาร์กันแล้วครับ เราก็แอบรู้สึกละอายใจนิดนึงตอนส่งไรเดอร์ เพราะเราเขียนไปว่า ขอเป็นน้ำแร่เอเวียง พอมาที่นี่เราก็ได้น้ำแร่เอเวียงแหละ แต่นึกไปนึกมาแล้วน้ำแร่เอเวียงมันมาจากที่ประเทศเรานี่หว่า พยายามทำให้ทุกอย่างเรียบง่ายที่สุด ก็เปลี่ยนเป็นขอมิเนเร่แทน แล้วเราก็จะเขียนแค่ว่าขอผลไม้เพราะเราชอบผลไม้มาก ๆ (หยิบส้มแกะเปลือกแล้วออกมาจากกระเป๋าโชว์ให้สื่อดู)
โธมา: ตอนอยู่ที่เกาหลี ที่หลังเวทีเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากกล้วย 300 ลูก เพราะตอนนั้นเราเขียนไปว่าขอห้องที่มีแต่กล้วย แล้วก็ได้แบบนั้นจริง ๆ
อะไรคือสิ่งที่พีคที่สุดที่พวกคุณได้เจอตอนไปทัวร์รอบนี้
บรังโค: เราไปเล่นที่บาหลี แล้วมันเป็นเวทีสระว่ายน้ำ ประหลาดมาก ทุกคนดูเราแล้วก็ว่ายน้ำไปด้วย (คริส: โธมากระโดดลงไปในน้ำด้วย) นั่นก็เลยทำให้การ์ดต้องลงไปอยู่ในน้ำกับเขา (หัวเราะ)
รู้สึกยังไงที่บัตรคอนเสิร์ตขายหมดเร็วมาก
คริส: ดีใจมากครับ เรารอมาประมาณ 17 ปีกว่าจะได้มาที่นี่ เราตื่นเต้นมาก ไม่ได้คาดหวังเลยว่าบัตรจะ sold out ไว้ขนาดนั้น เกินความคาดหมายมาก ๆ ครับ
โธมา: เราก็คาดหวังว่าจะมีช่วงเวลาที่ดีที่นี่ครับ
เพลงอะไรจะถูกเล่นในโชว์คืนนี้บ้าง
คริส: พวกคุณอยากให้เราเล่นเพลงอะไรบ้างล่ะ
สื่อ: Lisztomania, Too Young, Long Distance Call, Entertainment
บรังโค: โอ้ เยี่ยมครับ มาดูกันว่าจะเล่นหรือเปล่า