สายบรรเลงเตรียมตัวไว้ให้ดี ชวนคุยกับ pg.lost ก่อนจะมาเจอกับพวกเราในเดือนมกราคม ปีหน้า
- Writer: Montipa Virojpan and Peerapong Kaewtae
- Photos: pg.lost official
แฟน ๆ instrumental rock คงตั้งตารอโชว์นี้อยู่แน่ ๆ เมื่อ pg.lost วงสัญชาติสวีเดนกำลังจะมาเปิดการแสดงในบ้านเราปีหน้า ทาง Fungjaizine เลยร่อนอีเมลไปพูดคุยกับ Mattias Bhatt (กีตาร์) และ Martin Hjertstedt (กลอง) เรื่องความเชื่อมโยงทางดนตรีบรรเลงของสวีเดนกับเอเชียว่ามีความข้องเกี่ยวกันประมาณไหน รวมทั้งความคาดหวังในโชว์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนมกราคมนี้ พวกเขาจะเตรียมอะไรมาเซอร์ไพรส์เรากันบ้าง
พวกคุณไปร่วมงานกับวงโพสต์ร็อกจีนอย่าง Wang Wen ได้ยังไง
มาร์ติน: ตอนเราไปทัวร์ที่จีนครั้งแรกตอนปี 2010 เราไปเล่นที่เมืองต้าเหลียน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของวง Wang Wen และได้เจอ Xie สมาชิกในวง จากนั้นเราก็เป็นเพื่อนกันและเล่นด้วยกันมาตลอด รวมถึงชวนเขามาเล่นที่สวีเดนด้วย การร่วมงานกับพวกเขาใน EP Split เป็นอะไรที่สนุกและเป็นธรรมชาติมาก พวกเขาเป็นคนที่เจ๋ง และเป็นวงที่ยอดเยี่ยมครับ
หลังจากได้ร่วมงานกันแล้ว Wang Wen สร้างแรงบันดาลใจอะไรให้พวกคุณบ้าง
มาร์ติน: ในฐานะเพื่อนมนุษย์ พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจชั้นยอดสำหรับเรา เป็นคนไม่ถือตัวแล้วก็เป็นคนดีมาก ๆ แต่สำหรับเพลงของพวกเขาถือว่าเป็นอะไรที่แตกต่างและนำความตื่นเต้นมาสู่ดนตรีโพสต์ร็อกได้อย่างดีเลยครับ เพลงเขาเจ๋งมาก
แนวคิดเบื้องหลัง EP Split คืออะไร
แมตเทียส: พวกเราอยากทำอะไรร่วมกับ Wang Wen เพื่อเชื่อมมิตรภาพของเราน่ะครับ คือถึงแม้ว่าเราจะมาจากต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม แต่อันที่จริงแล้วเรามีอะไรที่เหมือนกัน เราเกิดมาจากขี้ก้อนเดียวกัน ขยะกองเดียวกัน ในภาษาสเปนเรียกว่า ‘desperdicio’ ซึ่งผมได้คำนี้มาจากผู้ชายสเปนคลั่ง ๆ คนนึง ผมเจอเขาหลังจากเล่นโชว์ที่กวางเจาจบ เขาเอาแต่บ่นเรื่องปัญหาของโลกใบนี้แล้วพูดแต่คำว่า desperdicio! desperdicio! ผมว่ามันน่าจะเหมาะใช้เป็นชื่อเพลงนะ ผมนี่รีบจดลงกระดาษเลย
ทำไมถึงมีแค่สองเพลงของพวกคุณในงานชุดนี้ เล่ากระบวนการทำงานให้ฟังหน่อย
แมตเทียส: จริง ๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในเพลงที่เราอัดกันไวที่สุดเลยครับ เรามีเวลาแค่ประมาณ 20 นาที เราเลยคิดว่ามันควรจะเป็นหนึ่งเพลง ที่ถูกใส่ลงไปในไวนิล 12 นิ้วหนึ่งด้านเต็ม ๆ แม้มันจะถูกเขียนออกมาเป็นหนึ่งเพลง ซึ่งส่วนมากก็เป็นการอิมโพรไวส์ระหว่างที่เราซ้อมกัน แต่สุดท้ายแล้วมันจบลงที่การแบ่งเป็นสองพาร์ต ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเพลงของ Wang Wen จะออกมาเป็นยังไง แต่แอบได้ยินมานิดนึงตอนที่กำลังจะเอาไปมาสเตอร์ ซึ่งผมชอบมันมาก
ทำไมช่วงหลังเพลงของพวกคุณถึงดูหม่นขึ้นกว่างานชิ้นก่อน ๆ
มาร์ติน: ผมว่าเป็นเพราะเราโตขึ้น เรามองเห็นโลกและเพลงของเราเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ ผมว่ามันก็เป็นธรรมชาติของเราที่จะมีการพัฒนาแหละ แต่ใครจะรู้ในอนาคตเราอาจจะเขียนเพลงที่ดูสดใสกว่านี้ก็ได้
เพลงไหนที่ดาร์กสุด หลอนสุด ลึกสุด ที่พวกคุณเคยแต่ง
แมตเทียส: Gomez จากอัลบั้มที่สอง In Never Out ครับ พวกเราไม่ค่อยอยากเล่าที่มาที่ไปของชื่อเพลงนี้เท่าไหร่ แต่มันเป็นอะไรที่หม่นประมาณนึง เกี่ยวกับคนที่ผมบังเอิญโชคร้ายไปเจอเมื่อประมาณสองปีก่อน พวกเราอัดเพลงกันในบ้านที่ชานเมืองของ Norrköping สวีเดน คืนหนึ่งที่ผมพยายามเหยียบเอฟเฟกต์ฟัซเพื่อหาซาวด์ที่เหมาะให้กับเพลง Gomez อยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงหึ่งไกล ๆ มาจากแอมป์ของผม จริง ๆ ผมไม่เชื่อเรื่องลี้ลับหรอกนะ แต่ตอนนั้นมันน่ากลัวมากจริง ๆ คุณ ผมว่าบางทีเสียงเอฟเฟกต์กับแอมป์ที่มันผสมกันอาจทำให้เกิดคลื่นเสียง AM หลอน ๆ เหมือนส่งตรงมาจากหลุมศพ ผมเลยปรับเสียงแอมป์ให้ดังขึ้นแล้วอัดเพลงนั้นกว่าหนึ่งชั่วโมง ซึ่งนั่นถูกนำมาใช้ไม่กี่วินาทีสำหรับเป็นช่วงท้ายของเพลง Gomez เพื่อจบอัลบั้มนั้นได้อย่างสมบูรณ์
เราเห็นคำอธิบายใน Bandcamp บอกว่าพวกคุณตั้งใจจะให้หน้า A ของ EP Split ที่มีเพลง Desperdicio Part I & II ‘เปิดมาด้วยซาวด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังคาวบอยอิตาเลียนผสานกับเพลงโพสต์ร็อกอันอ่อนโยน แหกกฏดนตรีร็อกและทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว…’ ทำไมถึงอยากให้คนฟังจมดิ่งกับเพลงของคุณขนาดนั้น
แมตเทียส: เอาจริงนะ พวกเราไม่ได้เขียนคำอธิบายอันนี้แล้วไม่รู้ว่าใครเขียนขึ้นมา เราเป็นวง instrumental มันเลยไม่ค่อยมีประโยชน์ที่จะบรรยายเพลงของเราออกมาเป็นคำพูด นอกเหนือจากแค่ชื่อเพลงที่เราตั้งไว้เพื่อทำให้มันมีความจับต้องได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมว่าปล่อยคนฟังเขาไปตีความเองแหละดีแล้ว ให้ได้ใช้จินตนาการกันบ้าง
เพลงไหนที่พวกคุณชอบที่สุด และเพลงไหนที่อธิบายตัวตนของ pg.lost ได้ดีที่สุด
มาร์ติน: คนส่วนใหญ่จะชอบ Babies ใช่ไหม แต่ผมชอบเล่น A Final Version มันเป็นเพลงที่เล่นสดแล้วสนุกมาก ส่วนเพลงที่บอกตัวตนของวงเราได้ดีที่สุดหรอ? ไม่รู้สิ ผมว่ามันเปลี่ยนไปในทุก ๆ ปีนะ บางคนคิดว่า Yes I Am คือเพลงนั้น แต่สำหรับผมคือ Versus ไม่ก็ Vultures
แพลนในอนาคตของ pg.lost
มาร์ติน: มีอัลบั้มใหม่แน่นอนครับ แต่เรายังไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ แต่ถ้ามีเวลาก็จะเริ่มทำกันทันที เดี๋ยวเราจะมีทัวร์ยุโรปในปีหน้า คิดว่าหลังจากนั้นถึงจะได้จริงจังกับการทำเพลงใหม่ครับ
คิดว่าวง instrumental สวีเดนกับเอเชียมีความแตกต่างกันที่จุดไหนมากที่สุด
แมตเทียส: เป็นคำถามที่ดีครับ อาจจะเป็น reference ก็ได้มั้งที่ทำให้พวกเราต่างกัน อย่างวงเราเติบโตในสวีเดนก็ได้เจอเพลงหลากหลาย มีวงดนตรีท้องถิ่นรวมถึงวงต่างประเทศที่มาเล่นโชว์อยู่บ่อย ๆ ผมว่าดนตรีเป็นวัฒนธรรมอย่างนึงที่มีผลอย่างมากในการหล่อหลอมให้พวกเราเป็นนักดนตรีประเภทนึง และทำเพลงออกมารูปแบบนึง
คุณคิดว่าวงโพสต์ร็อกเอเชียจะสามารถเป็นที่รู้จักในสวีเดนได้ไหม
แมตเทียส: ไม่ค่อยมีวงโพสต์ร็อกในสวีเดนนะครับ เราเลยต้องไปทัวร์กันในต่างประเทศ แต่ถ้าคุณมองสวีเดนเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป ก็จะเห็นได้ว่ามีคนฟังที่อินกับเพลงแนวนี้แล้วมีคนจัดเฟสติวัลที่มองหาวง instrumental ใหม่ ๆ มาเล่นอยู่ตลอดเวลา วงญี่ปุ่นอย่าง Mono, Toe หรือ Lite ดังมากที่ยุโรปครับ
มีวงไหนอยากแนะนำให้เราฟังไหม
แมตเทียส: แน่นอน! ไม่รู้ว่าทำไมนะแต่วงแรกที่โผล่ขึ้นมาในหัวผมเลยคือ Logh วงสวีเดนที่เงียบหายไปแล้วตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน ลองฟังกันดูครับ แล้วก็… ผมชอบฟัง Iron Maiden (หัวเราะ)
คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อ 6 ปีก่อน ซีนโพสต์ร็อกในเมืองไทยรุ่งเรืองมาก แต่ตอนนี้มันเริ่มได้รับความนิยมน้อยลง คุณมีความรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง
แมตเทียส: ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ มันเหมือนเป็นทั้งคำอวยพรและคำสาปกับการถูกเรียกว่าเป็นวงโพสต์ร็อก ในแง่ดีก็คือคนที่อยู่ในแวดวงโพสต์ร็อกมักจะเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ทุกคนสามารถพบเจอสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหา แต่แง่ร้ายก็คือคนจะคาดหวังให้เราทำเพลงแบบเดิม ๆ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากทำอะไรแบบที่เขาชอบกันแล้ว เพื่อของเราเรียกเราว่า Swedish experimental instrumentalism (วงบรรเลงแนวทดลองจากสวีเดน) ผมว่ามันเป็นอะไรที่จำกัดความเราได้ดีทีเดียว
เคยฟังวงโพสต์ร็อกไทยบ้างไหม
มาร์ติน: ยังไม่เคยเลยครับ เดี๋ยวจะลองหาฟังนะ
คาดหวังอะไรกับการมาทัวร์ที่กรุงเทพ ฯ ครั้งนี้
มาร์ติน: ก่อนหน้านี้สมาชิกวงเราบางคนเคยมาเที่ยวที่ไทยแล้วครับ แต่นี่ถือเป็นการมาเล่นที่ไทยครั้งแรกในฐานะวงดนตรี สำหรับคนสวีเดนเรามองว่าประเทศไทยเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอันดับหนึ่งเลย เราก็หวังว่าจะได้กินอาหารอร่อย ๆ เจอกับอากาศอบอุ่น และคนเจ๋ง ๆ
ถ้าได้ยินคำว่า กรุงเทพ ฯ เป็นครั้งแรก จะนึกถึงอะไร
มาร์ติน: แสงแดด บักเก็ตแสงโสม แล้วก็ผัดไทยครับ
ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ของพวกคุณหน่อย
แมตเทียส: พวกเรารอมาหลายปีที่จะได้คอนเฟิร์มมาเล่นที่ประเทศไทย และในที่สุดเราก็ได้มาเล่นครับ เราตื่นเต้นมาก ๆ สัญญาว่าจะทำให้ค่ำคืนนั้นเป็นอะไรที่พิเศษที่สุด อดใจรอไม่ไหวแล้วครับ
สำหรับใครที่อยากฟังพวกเขาเล่นงานจากชุด Split อาจจะต้องลุ้นกันนิดนึง เพราะทัวร์นี้พวกเขาตั้งใจจะเล่นเพลงจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง Versus กันเยอะสักหน่อย
และใครที่ยังไม่มีบัตรไปล่องกันที่งาน pg.lost Live in Bangkok โดย Seen Scene Space วันที่ 4 มกราคม 2561 เข้าไปกดกันได้ที่ TicketMelon โลดดดด