Article Import

ไม่ทันหายใจหายคอ เมื่อวง MEW จากเดนมาร์ก ต่อสายตรงถึง Fungjaizine เมื่อกี้นี้

  • Writer: Montipa Virojpan

เชื่อว่าหลายคนยังจำความรู้สึกแรกที่รู้ว่าวงดนตรีชื่อดังจากเดนมาร์กอย่าง Mew จะบินลัดฟ้ามาเล่นที่บ้านเราได้เป็นอย่างดี (ไม่ต้องจ่ายค่าเครื่องไปดูที่ KL แล้วโว้ยยยย) และยังเชื่ออีกว่าคงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ แน่ ๆ ถ้าได้คุยกับ Johan Wohlert มือเบสของวงที่เพิ่งวางสายจากเราไปเมื่อกี้ เอาล่ะ สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วมาอ่านเสียงจากปลายสายของเขาที่ถูกแปลเป็นไทยกันได้ในบรรทัดต่อไปนี้

mew-hi-res

อะไรทำให้ Mew ยังไม่หยุดทำเพลงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึง 20 ปีแล้ว

ผมคิดว่ามันเป็นเพราะการที่เราสนุกอยู่กับสิ่งที่ทำ แล้วก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำให้ตัวเองได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และกระตือรือร้นที่จะทำงานอยู่ตลอดเวลา กับอีกอย่างที่สำคัญมาก คือตราบใดที่เรายังเป็นสมาชิกวงเดียวกันอยู่ เราต้องยอมรับและให้เกียรติซึ่งกันและกันครับ

Mew เป็นวงที่ให้ความสำคัญกับวิชวลเสมอ ซึ่งปกติวิชวลของวงจะถูกออกแบบหลังจากที่เพลงเสร็จแล้ว แต่ทำไมอัลบั้มนี้ถึงกำหนดวิชวลก่อนแล้วค่อยทำเพลงตามคอนเซปต์ที่วางไว้

ตอนเราเล่นสดเราก็จะมีวิชวลเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของโชว์ด้วย แต่รอบนี้เราแค่สงสัยว่าเราจะทำให้วิชวลเป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจให้เพลงได้ไหม เหมือนเป็นการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของพวกเราเองด้วย

อัลบั้ม Visuals ต้องการจะสื่อถึงอะไร

มันเป็นการหาส่วนผสมของการถ่ายทอดอารมณ์ดนตรีที่อยากให้มันแหวกไปจากเพลงทั่วไป แล้วให้ฟังดูเป็นด้านบวกหน่อย ขณะที่เนื้อเพลงจะออกมาเครียด จริงจังกว่า โดยจะให้มันสะท้อนสถานการณ์ต่าง ทั่วโลก ซึ่งใน 3-4 ปีที่ผ่านมามีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นมากมาย หรือศิลปินที่เป็นตำนานของโลกก็ทยอยจากไปหลายคน รวมถึงเป็นการสะท้อนตัวตนและความคิดของพวกเราลงไปในอัลบั้มที่เราเชื่อว่าดนตรีมันมีพลังบวกเสมอ เราเลยอยากจะทำดนตรีและเนื้อเพลงออกมาให้มันถ่ายทอดตรงนั้นได้

หัวใจหลักของอัลบั้มนี้คือการชื่นชมในปัจจุบันขณะ คุณใช้เพลงของคุณถ่ายทอดใจความสำคัญตรงนั้นออกมาในรูปแบบไหน

เราจะไม่ใช้เวลากับเพลงมากเกินไป เพราะเราตัดสินใจที่จะทำมันออกมาให้มันดูเป็นธรรมชาติกว่าเพลงก่อน ๆ ที่เราเคยทำมาซึ่งใช้เวลา 4-5 ปีกว่าจะจบอัลบั้มได้ อันนี้เราใช้เวลาแค่ปีเดียว คือจะพยายามรีบทำ แล้วก็ไม่คิดมากกับมันจนเกินไป อันไหนที่เรารู้สึกว่าใช่แล้ว ดีพอแล้ว เราเอาเลย

หนึ่งปีที่ใช้ทำอัลบั้ม คุณได้เจอความยากระหว่างการทำงานบ้างหรือเปล่า

น่าจะเป็นพาร์ตร้องเลยครับ เราพยายามหาความลงตัวระหว่างการออกแบบเสียงร้องให้เข้ากับดนตรี ซึ่งมันต้องอาศัยเวลาหน่อย สมมติเพลงนึงเราใช้เวลาเดือนเดียวในการอัดทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นพาร์ตร้องที่ใช้เวลาถึงสามเดือน

เพลงในชุดนี้ได้แรงบันดาลใจจากดนตรีป๊อปยุค 80s

เราเป็นเด็กที่โตมาในยุคนั้น ไม่ว่ายังไงเราก็จะได้ยินเพลง 80s ในชีวิตอยู่เสมอ แล้วพอเรากลับไปลองฟังเดโม่ที่เคยเขียนไว้ มันเหมือนเป็นเพลงที่ควรจะมีโปรดักชันที่มันเบาขึ้นจากที่ก่อน แล้วเราก็เริ่มนึกกันว่าจะเอาอะไรมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลง หรือถ้าพูดถึงเพลงชุดใหม่ของเรา ควรจะยกตัวอย่างซาวด์แบบไหนมาเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่ามันมีเพลงป๊อปหลายเพลงมากในยุค 80s ที่เขียนออกมาได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็น Kate Bush, Talking Heads, David Bowie พวกเขาสามารถเขียนเพลงที่ติดหูและคงอยู่มาอย่างยาวนานหลายปีได้ เราก็คิดว่าอยากจะลองทำเพลงป๊อปฉลาด แบบนั้นดูบ้าง

การเปลี่ยนแปลงแนวเพลงของ Mew ทำให้เกิดแฟนเพลงกลุ่มใหม่บ้างไหม

เมื่อสามปีที่แล้ววงเราค่อนข้างกังวลเหมือนกันว่าเราจะยังเล่นสดหรือทำเพลงโดยที่ไม่มีมือกีตาร์คนก่อน (Bo Madsen)ได้ไหม แต่ถึงยังไงเราก็ต้องปล่อยเพลงใหม่ออกมา และคิดว่าแค่พวกเราแค่สามคนก็สามารถทำอัลบั้มที่ดีออกมาได้ ซึ่งพอปล่อยเพลงออกไปแล้วก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากครับ

ในฐานะที่เป็นวงที่อยู่มานาน จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีดนตรียังไงบ้าง

ตอนนั้นถ้าเราอยากจะอัดเพลงเราต้องไปใช้สตูดิโอ ใช้เวลาอยู่ในนั้นเป็นเดือน แล้วใช้เงินเยอะมาก แต่พอตอนนี้เราไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากขนาดนั้นหรือใช้เงินเยอะในการทำ เพลงก็ออกมาดีได้ ตอนนี้เราโปรดิวซ์ทุกอย่างในสตูดิโอเล็ก ที่บ้านของเราเอง ใช้ของน้อยกว่าตอนนั้นมากด้วย

Music streaming ส่งผลกระทบกับวงมากน้อยขนาดไหน

ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ส่วนตัวผมชอบของที่จับต้องได้มากกว่า ผมชอบไวนิล มันเป็นสิ่งที่ผมสามารถจับมันไปวางบนเครื่องเล่น ดูเนื้อเพลง อ่านเครดิตของคนที่ทำ คือข้อดีของพวก cloud data คือคุณสามารถฟังเพลงทุกเพลงที่อยู่บนโลกนี้ได้ อยากฟังอันไหนก็เข้าไปฟังได้เลย ผมอาจจะฟัง Spotify ด้วยเหมือนกัน แต่ผมเป็นพวกชอบ physical อะ ถ้ามีวงไหนที่ผมชอบออกแผ่นมาผมก็ซื้อเก็บอยู่ดี ผมชอบความรู้สึกตอนกำลังสัมผัสมัน พลิกดูอาร์ตเวิร์กของมัน

งั้นอัลบั้ม Visuals ที่จะออกมาในวันที่ 28 เมษายนนี้ก็จะมีแบบที่เป็นแผ่นเสียงด้วยใช่ไหม

แน่นอนครับ (หัวเราะ)

cd

กำลังจะมาเล่นสดในเมืองไทย เคยคิดไว้ก่อนไหมว่าบรรยากาศดนตรีสดที่นี่จะเป็นยังไง

นี่จะเป็นครั้งแรกของพวกเราในเมืองไทย ซึ่งเป็นที่แรกของทัวร์อัลบั้ม Visuals ด้วย เราก็รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นเพลงของเราเป็นครั้งแรก ก็ยังคิดอยู่ว่าจะเป็นยังไงบ้าง เพราะผมนึกไม่ออกเลยจริง  นะ เรามีเล่นในหลายที่มากแต่ไม่ค่อยได้มาที่ South East Asia เลย ก็หวังว่าจะเป็นโชว์ที่ทุกคนชอบ มีความสุข และร้องเพลงของพวกเราไปพร้อม กัน

แล้วเราคาดหวังอะไรจากพวกคุณได้บ้าง

อืม… ความมหัศจรรย์ก็แล้วกันครับ (หัวเราะ) เราพยายามจะทำให้โชว์มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเพลงใหม่และเพลงจากอัลบั้มก่อน แน่นอนว่าเราให้ความสำคัญกับวิชวลในโชว์มาก น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะได้ดูพวกเราแบบสด ครับ ต้อง emotional แน่ ๆ

ฝากอะไรถึงแฟนเพลงของคุณหน่อย

รู้สึกดีมากที่มีโอกาสได้มาเล่นที่ประเทศไทยครับ เราตื่นเต้นมากที่จะได้มากรุงเทพ และได้เล่นเพลงใหม่เป็นที่แรกในที่ที่เราไม่เคยมา หวังว่าทุกคนจะมาดูพวกเราเยอะ ขอบคุณครับ

อ่านจบกันไปแล้วก็อย่าลืมไปเจอกันเยอะ ๆ ที่ Singha Light Live Series Vol 2.2 – MEW นอกจากจะได้ฟัง Mew เล่นเพลงจากชุดใหม่ และเพลงฮิตจากอัลบั้มก่อน ๆ แล้ว ยังได้ดูโชว์จากวงเจ้าบ้านฝีมือร้ายกาจอย่าง Summer Dress และ Bomb at Track ด้วยนะ บิ๊วขนาดนี้จะพลาดได้ไง สำหรับใครที่ยังไม่มีบัตร Mew รีบเข้าไปจับจองกันได้แล้วที่ https://www.ticketmelon.com/event/mew 

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้