I Am Easy To Find อัลบั้มล่าสุดของ The National การเปลี่ยนผ่านในชีวิตที่ต้องค่อย ๆ เรียนรู้
- Writer: Montipa Virojpan
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ The National วงอัลเทอร์เนทิฟ อินดี้ร็อกแห่งค่าย 4AD จากซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ หลังจากที่ได้ปล่อยเพลง You Had Your Soul With You ให้เราได้ตื่นเต้นกันไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2019 พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งอย่างเต็มตัวในสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 8 I Am Easy To Find พร้อมกับภาพของนักแสดงมือรางวัล Alicia Vikander จาก ‘The Danish Girl’ บนปกยิ่งทำให้เราสนใจว่าในอัลบั้มนี้จะมีความพิเศษอะไรบ้าง
และเมื่อได้ฟังทั้ง 16 เพลงจนจบ ก็พบว่าเต็มไปด้วยสไตล์ดนตรีของ The National เหมือนเดิม ยังคงเอกลักษณ์ความลุ่มลึก น่าค้นหา อ่อนโยน แต่หนักแน่น จากทั้งเสียงร้องหม่นนุ่มของ Matt Berninger เปียโนนุ่มนวล กลองจังหวะเท่ ๆ เพิ่มมาด้วยเสียงประสาน และเสียงนักร้องหญิงในหลาย ๆ แทร็ค พ่วงด้วยการเรียบเรียงที่น่าสนใจ ใส่ซาวด์แมธร็อก แนวดนตรีอื่น ๆ หรือเทคนิคการบันทึกเสียงแบบต่าง ๆ รวมถึงซาวด์อิเล็กทรอนิกที่มอบมิติใหม่ ๆ ให้กับเพลง
และในวาระ 20 ปีของวง The National ก็ทำให้อัลบั้ม I Am Easy To Find เป็นมากกว่าอัลบั้มบรรจุเพลงสุดไพเราะ อันที่จริงแล้วนี่คือโปรเจกต์ร่วมของวงกับ Mike Mills ที่เคยกำกับวิดิโอให้กับ Moby และ Air รวมถึงเขียนบทและกำกับหนังของตัวเองเรื่อง Beginners และ 20th Century Women มาแล้ว จึงไม่แปลกที่นี่เป็นการผสานสองศาสตร์เข้าด้วยคอนเซปต์เดียวกัน บางครั้งเพลงถูกเขียนขึ้นด้วยวิธีแบบการเล่าเรื่องในหนัง และหนังก็มีอารมณ์ขึ้นลงแบบไดนามิกและสีสันของแต่ละแทร็ค ก่อนจะถูกปรับเข้าหากันจนได้รสชาติที่กลมกล่อม
หลาย ๆ เพลงถูกเขียนขึ้นและบันทึกเสียงระหว่างที่กำลังทัวร์อัลบั้ม Sleep Well Beast หลังจากที่วงได้กลับมาฟังเดโมที่เบอร์นิงเกอร์เขียน และร้องในห้องพักของโรงแรมในเมืองต่าง ๆ ที่ไปเล่นคอนเสิร์ต ก็พบว่าเป็นเสียงที่ร้องเบา ๆ เพราะไม่อยากรบกวนห้องข้าง ๆ นั่นเอง และนั่นทำให้เป็นตัวกำหนดทิศทางบางอย่างในการเขียนเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มนี้ แต่ภายหลังทางวงก็มอบสิทธิ์ขาดให้กับมิลส์ในฐานะ co-producer ที่จะทำอะไรกับเพลงของพวกเขาก็ได้ จะเอากีตาร์ออก จะเปลี่ยนเสียงกลอง หากมันจะเข้ากับอารมณ์ที่หนังจะสื่อได้มากกว่า
เมื่อมิลส์ได้ฟังบางเพลงที่เบอร์นิงเกอร์ส่งมาให้ในช่วงที่วงกำลังทัวร์อัลบั้มชุดที่แล้ว เขาก็เกิดไอเดียขึ้นมาโดยตั้งใจจะให้เล่าเรื่องผ่านผู้หญิงคนหนึ่ง เขาให้เหตุผลว่าเขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีความเป็นผู้หญิงสูง มีพ่อเป็นเกย์ และมีแม่กับพี่สาวน้องสาวที่สู้คน (ดูได้จากหนังทั้งสองเรื่องของเขา มีตัวละครที่ได้ต้นแบบจากคนในครอบครัวทั้งสิ้น) ซึ่งนั่นทำให้เขาอยากจะเรียนรู้ความเป็นผู้หญิงรวมถึงนำเสนอเรื่องราวของพวกเธอให้มากขึ้น มิลส์นึกภาพของวิคันเดอร์ระหว่างที่เขียนบทหนังให้กับอัลบั้มนี้ และเชื่อว่าเธอสามารถเล่นบทของคนคนเดิมที่มีวุฒิภาวะมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ซึ่งในชุดนี้ก็มีเพลง Dust Swirls in Strange Light ที่มิลส์เขียนเนื้อร้องเอง รวมถึง Carin Besser ภรรยาของเบอร์นิงเกอร์ก็ยังมีบทบาทในอัลบั้มนี้จากที่ร่วมเขียนเพลงมาตั้งแต่อัลบั้ม Boxer แล้ว
การที่มิลส์ตั้งใจให้หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อย ๆ เติบโตและพบกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย วงเลยตั้งใจจะเอาเสียงของศิลปินหญิงหลาย ๆ คนมาอยู่ในเพลงเพื่อให้เกิดการเล่าถึงความเหนื่อยอ่อนของชีวิตในมิติที่หลากหลาย ไม่ใช่ในฐานะเงาเสียง แต่เป็นตัวเอกในเพลงนั้น ๆ ไม่ก็เป็นบุคคลผู้โต้ตอบกับเบอร์นิงเกอร์ โดยศิลปินที่มาร้องก็เป็นศิลปินที่ผ่านการร่วมงานกับ The National ทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Gail Ann Dorsey มือเบสที่เล่นให้กับวงของ David Bowie ไปจนถึง Sharon Van Etten, Lisa Hannigan, Mina Tindle, Kate Stables, Eve Owen รวมถึงได้คณะประสานเสียง Brooklyn Youth Chorus มาร่วมสร้างความน่าสนใจให้กับอัลบั้มนี้ ทว่าใจความสำคัญของอัลบั้มในการใช้เสียงของผู้หญิงหลายคน ไม่ใช่แค่เป็นตัวบอกเล่าบริบทที่วิคันเดอร์มาแสดงเป็นผู้หญิงคนเดียวกันในหลายช่วงวัย หรือนำเสนอมุมมองแบบผู้หญิงของวง The National แต่เป็นการเน้นย้ำว่าในหนึ่งชีวิตมนุษย์ ไม่มีใครเป็นเหมือนเดิมไปได้ตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย อย่างในเพลง Not in Kansas ที่เดิมทีจะเป็นเพลงบรรเลง แต่ภายหลังวงได้เปลี่ยนใจด้วยการหยิบเอาท่อนหนึ่งของเพลง Noble Experiment โดยวง Thinking Fellers Local Union 282 มาใส่ด้วย และได้เสียงของ Lisa Hannigan, Kate Stables และ Gail Ann Dorsey มาช่วยถ่ายทอดถ่ายทอด ‘กระแสสำนึก’ คือช่วงขณะความคิดของคนคนนึงที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งเมื่อคนนั้นคร่ำครวญถึงชีวิตของตัวเอง ได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
If the sadness of life makes you tired
And the failures of man make you sigh
You can look to the time soon arriving
When this noble experiment
Winds down and calls it a day
นี่จึงไม่ใช่เพลงที่ทำเพื่อประกอบหนัง และไม่ใช่หนังที่ทำเพื่อประกอบเพลง จากการผนวกรวมทั้งสองศาสตร์จึงทำให้มั่นใจได้เลย I Am Easy To Find จะเป็นผลงานที่เปี่ยมไปด้วยความงดงามทางอารมณ์ทั้งภาพและเสียง และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด นี่เป็นอัลบั้มที่หล่อเลี้ยงด้วยจิตวิญญาณและความเป็นไปของมนุษย์ และเป็นเหมือนบันทึกความเข้าใจชีวิตของเบอร์นิงเกอร์และเพื่อนของเขา
“ในการทำอัลบั้มของ The National เหมือนผมค่อย ๆ ดึงหอมใหญ่ออกทีละชั้น จากชั้นนอกสุด ค่อย ๆ เข้าไปยังชั้นในสุด อย่าง Sleep Well Beast นี่เหมือนผมโดดลงน้ำจากสปริงบอร์ดสูงสามฟุต แต่ใน I Am Easy To Find นี่เหมือนผมโดดลงมาจากหน้าผา แล้วดำลงไปลึกกว่านั้น จากการสำรวจแค่ความเปลี่ยนแปลงของชีวิตหลังจากแต่งงาน ตอนนี้ผมดำลงไปยังตัวตนของตัวเอง ไม่รู้ว่าตอนนี้มันถึงแกนของหอมใหญ่หรือยัง แต่ผมรู้สึกว่าผมเข้าใจหอมใหญ่นั้นมากขึ้น และรู้สึกดีกับมันมากขึ้น ผมคือพ่อ คือแม่ คือลูกสาว คือภรรยา คือเพื่อน คือคุณย่า คือคนที่ขับรถตัดหน้า ผมคือประสบการณ์พวกนั้น ผมได้รับอิทธิพลจากคนเหล่านั้น อัลบั้มนี้เป็นเหมือนถังที่รวบรวมทุกสิ่งที่บอกว่า คุณแก่ขึ้นแล้วนะ และทุกอย่างในนั้นก็เหมือนกับชีวิตหลังความตายของผมด้วย”
เพลงที่แนะนำในอัลบั้มนี้ You Had Your Soul With You, Quiet Light, The Pull of You, Not In Kansas, Dust Swirls In Strange Light, Rylan