นั่งถามตอบชิว ๆ กับ DIIV อินดี้ร็อกสุดซ่าจากบรูคลิน
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
หลังจากที่แฟนชาวไทยรอคอยมาเนิ่นนานกับวงอินดี้ร็อกวัยซ่ายุคบุกเบิก DIIV ซึ่งตอนนี้ Zachary Cole Smith, Andrew Bailey และ Devin Ruben Perez ก็มานั่ง (และนอน) อยู่กับพวกเราตรงนี้แล้ว ไปพูดคุยกับพวกเขากันเลย /ขอสปอยล์นิดนึงว่าวงนี้เขาน่ารักมาก ๆ
ทำไมถึงใช้เวลาทำอัลบั้ม Is The, Is Are กันนานมาก
แอนดรูว: เรามีทัวร์เยอะมากครับ แล้วเราก็สนุกกับการทัวร์มากไปหน่อย มีปัจจัยเรื่องส่วนตัวด้วยประมาณนึง คือเรากลับมาทำอัลบั้มกันตอนที่สุขภาพเราเริ่มจะโอเคกันแล้ว
โคล: ตอนทัวร์นี่อยากทำตัวเป็นเด็กอะ ยังไม่อยากโต ไม่อยากรับผิดชอบอะไร
แอนดรูว: ซึ่งนั่นแหละครับ ถ้าจะทำอัลบั้มที่ดี มันก็ต้องใช้เวลากันหน่อยจริงไหม
โคล: อีกอย่างคือเราไม่รู้ว่าตอนไหนที่ควรจะหยุดเขียนเพลงใหม่ ตอนแรกเรารู้สึกว่าเพลงที่จะมารวมเป็นอัลบั้มยังมีไม่พอ แต่ทำไปทำมาก็เยอะเกินจนแทบจะเป็น double album ได้แล้ว แบบ มารู้ตัวจริง ๆ ตอนกำลังอัดว่า เอ้าเชี่ย อัดไป 20 เพลงแล้วหรอ (หัวเราะ)
แล้วรู้ได้ไงว่าเพลงไหนควรจะเอาไปใส่ในอัลบั้ม
โคล: เราใช้เวลามานั่งฟังเพลงพวกนั้นด้วยกันเป็นเดือน เหมือนมาช่วยกันกรองน่ะครับ อย่างบางทีมันมีสองเพลงที่เราชอบ เราก็หยิบสองเพลงนั้นมาผสมกัน ออกมาเป็นหนึ่งเพลง จบ เป็นอย่างนั้นอยู่หลายเพลงเหมือนกันนะ
ชื่ออัลบั้ม Is The, Is Are มีความหมายว่าอะไร
แอนดรูว: สำหรับคุณแล้วมันมีความหมายว่าอะไรล่ะ (ทำหน้ากวน ๆ ขี้เล่นแบบ น่ารักมาก อั๊ยยย เขิน อย่าสิ)
โคล: ผมอยากให้ชื่ออัลบั้มเป็นวลีที่ดูไร้สาระ หรือไม่มีความหมายอะไรเลยน่ะครับ แต่คอนเซปต์โดยรวมของอัลบั้มนี้เป็นการพูดถึงการสื่อสารที่ผิดพลาด การเข้าใจผิด หรืออย่างคนที่ทำงานเกี่ยวกับศิลปะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะจากโตเกียว ปารีส ก็มักจะเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักใช่ไหมล่ะ เวลาเขาถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับงานของเขามันมักจะออกมาเป็นคำที่ทำให้เราเข้าใจไม่ตรงกันอยู่บ่อย ๆ
ทำไมในอัลบั้มนี้ถึงทำเพลงที่ดาร์กขึ้นกว่าชุดแรกมาก ๆ
โคล: ปกติแล้วอัลบั้มแรกของใครก็ตามมักจะเป็นอะไรที่กระชับ สื่อสารง่าย ๆ ทำอะไรมากไม่ได้ แต่หลังจากนั้นคุณก็จะทำอะไรมากกว่าในตอนนั้นได้ ส่วนเหตุผลอื่น ๆ …ไม่รู้สิ ช่วงเวลาย่ำแย่ของชีวิตมั้ง
ตอนนี้ซาวด์อิเล็กทรอนิกมามีบทบาทในวงการดนตรีมาก ๆ แม้แต่วงร็อก/กีตาร์แบนด์หลายวงก็ผันตัวเองไปเล่นแนวอิเล็กทรอนิกกันมากขึ้น พวกคุณไม่คิดจะไปทางนั้นบ้างหรอ
โคล: เราเล่นกีตาร์กันอยู่แล้ว แล้วผมก็ไม่อยากจะต้องมานั่งเรียนรู้อะไรใหม่ คือดนตรีอิเล็กทรอนิกเป็นอะไรที่ซับซ้อน เราเคยคิดที่จะให้มีองค์ประกอบของซาวด์อิเล็กทรอนิกแบบที่สร้างประสบการณ์ร่วมให้คนฟังได้ อย่างพวกลูปที่เล่นซ้ำ ๆ หรืออะไรที่มันดูลื่นไหลแบบนั้น… แต่เราเป็นวงร็อกนี่นา
ทำไมถึงต้องเปลี่ยนปกอัลบั้ม Oshin
โคล: เราโดนฟ้องครับ จากใครสักคนที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์รูปภาพจากยุค 70s กว่า 30,000 ภาพในเว็บ davientart ที่เราเอามาใช้เป็นปกนั่นแหละ เราเลยต้องทำปกหน้า ปกหลัง หรือแจ๊กเก็ตข้างในใหม่หมด ก็ได้เพื่อนของเราชื่อ คริส เขาเลยทำอาร์ตเวิร์กออกมาให้คล้ายกับภาพภาพนั้น ทำออกมาประมาณ 10 แบบ
แล้วใครเป็นคนออกแบบปกชุดใหม่
โคล: เป็นดีไซเนอร์คนญี่ปุ่นสองคนครับ ชื่อ Joji Nakamura, Hayato Kiyuna กับ Frederick Deming พวกเขาส่งงานมาให้เรา ตอนนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังทัวร์กัน แล้วทางค่ายก็โทรมาทวงเราว่า ‘เหลือเวลาอีกสองวีคอัลบั้มจะต้องปล่อยแล้วนะโว้ย พวกมึงทำอะไรกันอยู่!’ เราเลยเอาทุกอย่างที่มีมาโฟโต้ช็อป มีประมาณ 30-40 หน้า ที่เราเอามาผสมรวมกันจนออกมาเป็นอาร์ตเวิร์กของอัลบั้มนี้
แอนดรูว: ตอนที่ทัวร์กันนี่คือเวลาเราไปกินข้าวกันนี่ก็แบกคอมไปนั่งโฟโต้ช็อปกันในร้านอาหารเลย (หัวเราะ)
เพลงในอัลบั้มชุดนี้เกี่ยวกับอะไร
โคล: … (อ้ำอึ้ง ๆ)
เดวิน: เกี่ยวกับโคล (หัวเราะ)
โคล: ไม่รู้สิ ทำกันมาพักใหญ่ ๆ แล้วคงต้องกลับไปนั่งฟังดี ๆ อีกที แต่เท่าที่นึกได้ตอนนี้คงเกี่ยวกับการเป็นคนโง่เง่าสุด ๆ คนนึง (หัวเราะ)
ถ้าให้เลือกระหว่างเป็นคนธรรมดา กับเป็นร็อกสตาร์ จะเลือกเป็นแบบไหน
แอนดรูว: ผมอยากเป็นร็อกสตาร์นะ น่าสนุกดี
โคล: ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นร็อกสตาร์ตอนที่ทุกคนกรี๊ดให้เรา โอ้พระเจ้า นั่น DIIV แต่ผมอยากเป็นร็อกสตาร์ตอนอยู่บนเวทีแค่นั้นแหละ พอเล่นเสร็จก็อยากจะหนีมันไปเลย (หัวเราะ)
เดวิน: อยากเป็นร็อกสตาร์สิวะ
ถ้าต้องติดอยู่ในห้องนึงในบ้านทั้งวัน อยากจะติดอยู่ในห้องไหน และ ทำไม
โคล: บ้านผมมีแค่ห้องเดียว (หัวเราะ) จริง ๆ นะ
แอนดรูว: ผมคงเลือกห้องน้ำครับ เพราะมันมีที่อาบน้ำ (หัวเราะ) แล้วมันก็ดูจะสะอาดที่สุดในบ้านแล้ว
เดวิน: บ้านผมมีหลายห้องมาก แต่คงเลือกห้องน้ำเหมือนกัน
โคล: เออ ๆ ผมก็เลือกห้องน้ำ
ฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย
โคล: ขอบคุณมาก ๆ ครับที่มาดูพวกเรา แล้วผมก็ไม่คิดเลยว่าโลกของเราจะแคบขนาดนี้ พวกเรามาจากคนละซีกโลกแล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ อินเทอร์เน็ตอะคุณ แม่ง ขอบคุณอินเทอร์เน็ตมาก ๆ ที่ทำให้เราได้มาอยู่ตรงนี้ แล้วก็ขอโทษด้วยที่แคนเซิลโชว์ที่สิงคโปร์นะครับ