Article Import

Devendra Banhart ชายเจ้าของบทเพลงกล่อมนอน ที่จะทำให้คุณมีฝันประหลาด

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Saind Pradthana

คนที่ได้ไปดู HYH Live! presents Devendra Banhart เมื่อคืนนี้ คงยังอิน มีความสุข และอิ่มเอมกับโชว์ของเขาอยู่แน่ ๆ วันนี้เราเลยส่งบทสัมภาษณ์ของเขามาให้ได้อ่านเสริมสร้างความฟินกันอีกระลอก ขอสปอยล์ว่า ถึงบทสัมภาษณ์นี้จะสั้น แต่ก็ทำให้ได้รู้ความคิดที่น่าสนใจของผู้ชายคนนี้หลายแง่มุมทีเดียว

อะไรทำให้โครงสร้างเพลงโฟล์กของคุณมีความโดดเด่นกว่าศิลปินคนอื่น

ผมไม่คิดว่าโครงสร้างเพลงของผมต่างหรือโดดเด่นจากใครเขานะ ผมพยายามที่จะวางสิ่งที่ผมอยากได้ลงไปในเพลง มีทั้งเพลงบราซิลเลียน หรือบางทีผมกูเกิ้ลหาริฟฟ์แจ๊สที่หวานเลี่ยนที่สุดว่ามันคือเพลงอะไร เพราะผมอยากให้ในเพลงของผมมีสิ่งนั้น เหมือนเป็นการรวมกันของอะไรตลก อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่จริง มันคือการสร้างพื้นที่ที่เหมาะสมให้กับงานเขียนหรือกวีของผม ถ้าให้อธิบายให้เห็นภาพง่ายที่สุด มันน่าจะเหมือนกับที่หนังสือพิมพ์จีนเคยเขียนเกี่ยวกับเพลงของผมว่ามันเหมือนกับ ‘เพลงที่ฟังแล้วหลับ จากนั้นก็มีฝันประหลาด’ เป็นอะไรที่ผมชอบที่สุดที่เคยได้ยินมาเลยครับ

ทำไมดนตรีในอัลบั้มล่าสุด Ape in Pink Marble ถึงให้ความรู้สึกแง่บวก ผ่อนคลาย แต่เนื้อหาค่อนข้างพูดถึงเรื่องความเหงา ความไม่สมหวัง

เพราะงานก่อน มันเคยมีความเป็นดนตรีด้านลบและเกรี้ยวกราดมาแล้วมั้งครับ แต่เนื้อหากลับเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามเลย เนี่ย พอชุดใหม่ผมเลยลองพยายามที่จะทำดนตรีให้มันดูแง่บวก อ่อนโยนมากขึ้น แต่เป็นการถ่ายทอดความเศร้าของผมเอง ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่ได้เศร้าทั้งหมดหรอกนะ

แต่ทำไมภาพบนปกอัลบั้มที่คุณออกแบบเองถึงไม่มีทั้งลิง แล้วก็ไม่ใช่สีชมพูด้วย

ผมแค่รู้สึกว่าชื่อ Ape in Pink Marble มันเป็นการเปรียบเทียบสัญลักษณ์ของชายหญิงในสมัยโบราณน่ะครับ เหมือนอย่างหยินหยาง ดาวศุกร์ ดาวอังคาร อย่างอันนี้ไอเดียของมันคือให้ลิงเป็นผู้ชาย เป็นคนที่ชอบเป็นผู้กระทำ มีความโหดร้าย แล้วให้หินอ่อนชมพูเป็นสัญญะของความเป็นผู้หญิง อย่างที่ใครหลายคนชอบแทนสีชมพูกับผู้หญิงครับ แต่ตัวหินอ่อนมันเป็นตัวที่บอกว่า มีความใส่ใจรายละเอียด มีความแข็งแกร่ง แถมยังสวยงามอีกด้วย มันอาจจะเป็นการเปรียบเทียบที่ดูงั่ง แต่ผมก็พยายามหาการจำกัดความพวกสัญญะนี้ใหม่ในแบบของผมเอง พอจะทำเป็นภาพก็อยากให้มันอธิบายความหมายของชื่ออัลบั้มได้ด้วย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นลิงหรือหินอ่อนสีชมพูตรง ก็ได้ มันก็เลยออกมาเป็นตัวประหลาดที่ดูไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร เหมือนมันผสมสัตว์หลายชนิดไว้ด้วยกัน แล้วข้างบนก็เป็นรูปพระจันทร์กับพระอาทิตย์อยู่รวมกัน ซึ่งจริง มันก็คือสัญญะของชายหญิงอีกนั่นแหละ ทีนี้พระจันทร์ก็เป็นรอยยิ้มให้พระอาทิตย์ พระอาทิตย์เป็นตาให้พระจันทร์ ก็เป็นการเปรียบเปรยในชื่อนั้นไปอีกชั้นนึงครับ

คุณมีความหลงใหลในวัฒนธรรมเอเชียนใช่ไหม ในชื่อเพลง เนื้อร้อง หรือแม้แต่ซาวด์ดนตรีมีความเอเขียนหมดเลย ทั้งไต้หวัน ไทย จีน ญี่ปุ่น

ใช่เลยครับ จะเรียกว่าอยางนั้นก็ได้ มีเยอะมากครับ ตอนผมทำเพลงผมก็ใส่ reference ของอะไรพวกนั้นอยู่ตลอด ยิ่งตอนที่ผมได้มาประเทศไทย ผมว่ามันน่ามหัศจรรย์มาก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทสำหรับผมนี่มีความแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากพุทธนิกายอื่น ใหม่สำหรับผมมากครับ

ในเพลง Linda ดูเหมือนว่าคุณสวมบทบาทเป็นเธอกำลังร้องเพลงเล่าเรื่องราวของตัวเอง ทำไมคุณถึงแทนตัวเองเป็นผู้หญิง

I’m a lonely woman
Alone in the world
Drifting through town
Drifting through town

I was once a loved woman
Once was all that I knew
Fodder for the fire
Picture of you

ครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ (หัวเราะ) มันเป็นอิสระในศิลปะครับ คุณสามารถนำเสนอตัวคุณเองในแบบไหนก็ได้ที่คุณต้องการ ซึ่งผมก็มีลินดาในตัวของผม ในเพลงนี้ผมตั้งใจจะทำให้ทุกคนพึงระลึกเสมอว่า ทุกคนต่างมีด้านผู้หญิงและผู้ชายในตัวเอง ในทุกวันนี้ผมว่าคำว่าชายหญิงมันเป็นแค่คำจำกัดความเฉย มันมีความหลากหลายมากมายในทุกวันนี้ โดยเฉพาะกับทุกคนมีพลังงานหรือรสนิยมที่แตกต่างกันหมด นั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมเขียนเนื้อเพลงขึ้นมาว่าฉันคือหญิงสาวผู้เปลี่ยวเหงาเพราะผมคิดว่าผมเป็นแบบนั้น

Devendra Banhart

การเขียนเพลงถือเป็นการทำสมาธิอย่างนึงหรือเปล่า

มันเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดสมาธิได้ครับ ไม่ว่าจะทำอาหาร ไปชายทะเล ทำเพลง วาดรูป ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้คุณจดจ้องอยู่กับสิ่งนึงได้ แต่ไม่อยากให้เอาไปสับสนกับการทำสมาธิอันนั้นมันเป็นเทคนิคเฉพาะที่ต้องได้รับการฝึกฝน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติสมาธิจริงจังหรือการทำกิจกรรมพวกนั้น ถ้ามีจุดมุ่งหมายจะให้เกิดสมาธิมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับ แค่เป็นวิธีการ

แล้วอะไรคือกิจกรรมที่คุณทำเพื่อให้หัวโล่ง

(นิ่งคิด) ถ้าตอบนี่จะดูเหมือนประชดอะนะ… ผมไม่ทำอะไรเลยครับ หยุดทำทุกอย่าง มันคือวิธีที่ดีที่สุดเลยครับ (หัวเราะ)

รู้สึกยังไงที่บัตรคอนเสิร์ตขายหมดไวมาก

เซอร์ไพรส์มากครับ เมื่อคืนผมยังคิดอยู่เลยว่าบัตรขายได้แค่ 8 ใบ ไม่รู้ว่ามาใครโดนบังคับให้มาดูงานนี้กันหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่ขอบคุณมาก เลยครับ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้