Beach Fossils การกลับมาอีกครั้งในรอบ 5 ปีของวงอินดี้ร็อกยุคบุกเบิกจากบรูคลิน
- Writer: Montipa Virojpan
- Photos: Ground Control Touring
คุยกับ Tommy Davidson และ Jack Doyle Smith แห่ง Beach Fossils ถึงความทรงจำในการทัวร์ที่ประเทศไทยครั้งก่อน (รู้ไหมว่าวงพวกเขาคือโชว์แรก ๆ ที่ Have You Heard? ชวนมาเล่นเลยนะ) และถามซอกแซกถึงที่มาที่ไปของอัลบั้มล่าสุด Somersault ที่มีพัฒนาการทางดนตรีก้าวกระโดดจนเราตกหลุมรักพวกเขาอีกครั้ง
สมาชิก
Dustin Payseur
Jack Doyle Smith
Tommy Davidson
คุณเคยมาเล่นที่นี่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว รู้สึกยังไงบ้างที่จะได้กลับมาเล่นที่นี่อีกครั้ง
ทอมมี่: ตอนนั้นสนุกมากครับ ประมาณปี 2012 เป็นช่วงที่ที่ผมกับแจ๊คเพิ่งเริ่มทัวร์กับ Beach Fossils ด้วย เราได้ซ้อมกันแค่ไม่กี่สัปดาห์แล้วก็ต้องมาแสดงที่กรุงเทพ ฯ เป็นโชว์แรก ไม่ได้เล่นกับพวกเขาในนิวยอร์กมาก่อนด้วยนะ แบบ โชว์แรกสุด ๆ ในชีวิต แล้วยังเล่นนอกประเทศไปอีก เป็นประสบการณ์ที่เซอร์เรียลมากจริง ๆ โชว์ก็สนุก แฟนเพลงส่งพลังงานให้กับพวกเรามาก ๆ กิ กับ นาดา (ทีมงาน Have You Heard?) พาเราไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพ ฯ สนุกดีครับ นี่ตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง
ครั้งที่แล้วมีอะไรเกิดขึ้นในทัวร์บ้าง
ทอมมี่: นอกจากเป็นโชว์แรกที่ผมเล่นกับ Beach Fossils แล้ว ตอนนั้นเราต้องไปอยู่กลางห้าง มีงานแถลงข่าว แล้วก็ได้ใส่เสื้อของสปอนเซอร์ด้วย มันตลกดีตรงที่เราไปอยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครรู้ว่าผมคือใครเพราะผมเพิ่งมาเล่นกับวง ตอนแจกลายเซ็นคนก็ดูงง ๆ กัน แล้วที่ตลกสุดคือตอนนั้นเราไปถนนข้าวสาร ได้กินแมงป่อง แล้วก็ได้ไปบาร์กัน ที่นี้เราก็ดื่มกันเยอะมาก ตอนนั้นมีวงเล่นคัฟเวอร์อยู่ แล้วเราก็ถามเขาว่าขอขึ้นไปเล่นด้วยได้ไหม สุดท้ายเราก็ได้ขึ้นไปอยู่บนเวที ทุกอย่างบ้าบอมาก เราทำตัวเป็นวงที่เล่นในบาร์ แล้วมีคนห้าคนมายืนดู มีผู้หญิงคนเดียวที่ตบมือให้พวกเรา นอกนั้นก็ทำหน้างงกันว่าไอ้ฝรั่งพวกนี้มันเป็นใครวะ อยู่ดี ๆ มันก็โดดขึ้นมาบนเวทีเนี่ย แล้วพอมันเป็นเครื่องดนตรีของวงอื่นมันก็จูนมาไม่เหมือนกับที่เราเล่นกันก็มีความงง แล้วผมก็ทำกีตาร์เขาร่วงอีก ตลกมากครับ
แล้วครั้งนี้อยากจะไปทำอะไรอีก
ทอมมี่: รอบที่แล้วเราอยู่ที่นี่กันห้าวัน เราไปคลับ ไปนั่งเรือล่องแม่น้ำ แต่รอบนี้เวลาน้อยมาก คือพอเราเล่นเสร็จเราก็ต้องไปจาการ์ต้าเลย ก็เลยคิดว่า เดี๋ยวไฟลต์เราจะมาถึงกรุงเทพ ฯ สี่ทุ่ม เราอาจจะไปบาร์สักที่ เนี่ยก็รอดูว่าทีมงานจะพาเราไปที่ไหนได้บ้าง
ทำไมถึงทำเพลงในชุด Somersault ให้แตกต่างจากงานชุดก่อน ๆ
ทอมมี่: ช่วงนึงเรามีเพลย์ลิสต์ที่ใส่เพลงลงไปเยอะมาก เป็นเพลงหลากหลายแนวเลย ไม่ใช่แค่ร็อกแอนด์โรลหรืออะไรที่เราเคยทำ แต่เราจะมานั่งคิดว่าวงไหนที่เป็นอิทธิพลในเพลงชุดก่อน ๆ ของเราบ้าง ก็หยิบมารวมกัน แล้วก็พบว่าเราฟังเพลงออเคสตร้าเยอะมาก พวกเพลงบรรเลง สกอร์เพลงประกอบหนัง ดนตรีแจ๊ส อิเล็กทรอนิก วงพวก Stereolab, Air เพลงฝรั่งเศสเก่า ๆ เพลงจากยุค 60s-70s ไปจนถึงฮิปฮอปยุค 90s บีตแปลก ๆ แซมพ์ที่ถูกเอามาใช้ในเพลงพวกนั้น เราพยายามทำให้ทุกอย่างมันขนานกันก่อน แล้วลองดูว่าถ้าใส่ความเป็น Beach Fossils เข้าไปในเพลงแบบต่าง ๆ มันจะออกมาเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ดีใจมากที่ตอนหลังเราก็หาทิศทางใหม่ของเพลงเจอแล้ว มันสำคัญมากในการเริ่มทำเพลงใหม่ของเรา เพราะเราต้องแบกความคาดหวังของแฟนเพลงที่อยากฟังเพลงใหม่ของ Beach Fossils แต่เราไม่อยากทำสิ่งที่เคยทำกันในอัลบั้มก่อน ๆ อยากทดลองอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง ลองใส่ความเป็นฮิปฮอปดู ใส่ฮาร์ปซิคอร์ด ออร์แกน เครื่องสาย หรือไลน์กีตาร์ก็พยายามจะให้มีกลิ่นแบบนั้น ทำอะไรที่มันแตกต่างออกไป
คนจะติดภาพว่าพวกคุณทำเพลง lo-fi, surf rock แต่ปัจจุบันคุณอยากให้คนฟังนึกถึงคุณแบบไหน
ทอมมี่: ก็ไม่สามารถบอกได้แน่นอนซะทีเดียวนะครับว่าเป็นแนวเพลงประมาณไหน แต่อย่างที่คุณบอกว่าชุดก่อน ๆ เป็น lo-fi rock ตอนนี้เราก็เริ่มมีไซคีเดลิก chamber music เราก็จะมีอะไรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับเพราะพยายามหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่เสมอ มีอิเล็กทรอนิก ฮิปฮอป แต่ก็จะออกมาในแบบที่เป็น Beach Fossils ครับ
ในอนาคตจะมีเพลงแบบ Rise อีกเยอะเลยใช่ไหม (เป็นเพลง soul hop เพลงเดียวในอัลบั้ม)
ทอมมี่: ครับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่เปิดมากเหมือนกัน อย่างเพลง Social Jetlag ที่ก็มีความฮิปฮอป Rise ก็มีแซ็กโซโฟนเข้ามา คือเราพยายามจะทำเพลงให้มันมีซาวด์แบบนิวยอร์กอยู่ด้วย อยากให้พอฟังเพลงเราแล้วรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในนิวยอร์ก ซึ่งมันเป็นแรงบันดาลใจให้เรามาก
อะไรหรือที่ไหนบ้างในนิวยอร์กที่เป็นแรงบันดาลใจให้พวกคุณ
ทอมมี่: ตอนเราเริ่มทำอัลบั้ม มันจะมีบางช่วงที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ ก็จะบอกว่าถ้าเดินไปไหน แล้วนึกถึงเพลงอะไร ก็ให้แชร์เพลงเข้ามาในเพลย์ลิสต์อันนั้นที่เคยบอกไปน่ะครับ แล้วเราก็มีความเห็นตรงกันว่าที่ที่ชอบไปเดินหรือไปสำรวจกันมากที่สุดคือไชน่าทาวน์ในนิวยอร์ก ถ้าเห็นมิวสิกวิดิโอ Down the Line ของเราก็จะเข้าใจเลยครับ นั่นไปถ่ายกันที่ไชน่าทาวน์เลย มันเป็นที่เดียวที่พวกเรารู้สึกแบบเดียวกัน visual landscape ในอัลบั้มของเราเลยมีความเป็นไชน่าทาวน์มาก ๆ
แล้วก็มีอีกทีนึงคือเราเคยมีผู้จัดการวง แล้วเขามีบ้านไร่หลังใหญ่อยู่ที่ Upstate New York ที่ต้องขับรถออกจากตัวเมืองไปประมาณ 2 ชั่วโมง ที่นั่นมันทำให้เรารู้สึกไม่คุ้นเคยทั้งที่มันยังอยู่ในนิวยอร์กอะ ภาพของเราจะเห็นนิวยอร์กเป็นเมืองใหญ่ที่มีรถไฟใต้ดินวิ่งผ่านทุกจุด มีเสียงรบกวน มีมลพิษ อะไรแบบนั้นใช่ไหมครับ แต่ที่นี่มันแตกต่างและดีมาก เหมือนเป็นที่ให้เราหลีกหนีความวุ่นวาย ได้มีที่ให้พักหัวบ้าง แต่มันอยู่แค่ Upstate New York แค่นี้เอง มีเพลงนึงในอัลบั้มก็ได้อิทธิพลจากเพลงคันทรี เพราะได้แรงบันดาลใจจากที่นี่ ก็ขอเลือกสองที่นี้ละกันครับ ไชน่าทาวน์กับ Upstate New York
ชอบเพลงไหนที่สุดในอัลบั้ม
ทอมมี่: จริง ๆ ผมชอบทุกเพลงนะ แต่ก็เกลียดทุกเพลงเหมือนกันเพราะต้องนั่งฟังเป็นพัน ๆ รอบก่อนจะปล่อยอัลบั้ม (หัวเราะ) งั้นขอบอกว่าชอบเล่นสดเพลงไหนที่สุดแล้วกันนะครับ ผมชอบเล่น Sugar ที่สุด เป็นเพลงที่เจ๋ง
แจ็ค: ผมชอบ Saint Ivy
ทอมมี่: แล้วคุณชอบเพลงอะไร (FJZ: Social Jetlag, Rise กับ Tangerine) เราก็ชอบ Social Jetlag นะ ตอนนี้เราทัวร์กันสี่คน แต่เดี๋ยวเรากำลังจะไปเล่นที่จีนก็จะมีสมาชิกห้าคนละ เขาจะมาเล่นแซ็กโซโฟนให้ ผมว่าจะลองเล่น Social Jetlag ที่จีน ท่อนโซโล่คงจะเจ๋งมาก ส่วน Tangerine นี่ เราชอบตอนได้เล่นสด ๆ กับ Rachel Goswell นักร้องนำ Slowdive ที่มาฟีเจอริงกับเราในเพลงนั้น คือตอนนั้นเราไปเล่น FYF Fest ตอนเดือนกรกฎาคม แล้ว Slowdive ก็เล่นเทศกาลเดียวกับเรา เรเชลเล่นอยู่อีกเวทีพอดี เราเดินผ่านก็ถามว่าขึ้นมาแจมกันไหม พอเธอเล่นเสร็จก็มาซาวด์เช็กกับพวกเราในเวลาสั้น ๆ ก่อนเริ่มโชว์ แล้วก็ได้เล่นด้วยกันจริง ๆ เธอเจ๋งมากครับ อันที่จริงทุกโชว์เราก็อยากได้แขกรับเชิญขึ้นมาแสดงด้วยแหละ แต่ก็ต้องดูว่าใครจะเป็นคนที่เหมาะที่สุดในโชว์นั้น อาจจะมีอีกก็ได้ในอนาคตครับ
พวกคุณเคยคัฟเวอร์เพลง Alison ของ Slowdive วงนี้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณยังไงบ้าง แล้วก็ชอบเพลงไหนอีกของวงนี้
ทอมมี่: ดัสตินเป็นคนรีอาเรนจ์เพลงนี้ขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อนครับ ซึ่งเราว่าเจ๋งมาก มีอยู่ครั้งนึงที่ดัสตินได้เจอกับสมาชิก Slowdive น่าจะก่อนที่ผมมาอยู่วงนี้นะ ประมาณปี 2011-2012 เนี่ยแหละ แล้วพวกเขาก็ติดต่อกันมาโดยตลอด จนวันนึงเราเขียนเพลงของพวกเราเสร็จก็ตัดสินใจติดต่อให้เรเชลมาร้องเพลงนึงในอัลบั้มเรา เธอก็บอกว่า ‘ได้สิ อยากมาร้องเหมือนกัน’ ตกลงกันง่ายมาก ผมว่ามันจังหวะดีด้วยแหละที่ดัสตินทำเพลง Alison แล้วก็การที่พวกเขาได้เจอกันก็ทำให้วงเขารู้จักกับพวกเรามากขึ้น Slowdive ก็เพิ่งออกอัลบั้มใหม่เหมือนกัน รู้สึกดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับเธอในเพลง Tangerine ครับ ส่วนเพลงที่ชอบของ Slowdive นี่ แจ็คบอกว่าชอบหลายเพลงในอัลบั้ม Souvlaki ส่วนผมนี่ชอบ Machine Gun ผมชอบท่อนกีตาร์ในนั้นมาก
อยากร่วมงานกับใครอีกบ้าง
ทอมมี่: ดัสตินกำลังทำเพลงกับ Cornelius ที่เป็นโปรดิวเซอร์คนญี่ปุ่นน่ะครับ อันที่จริงเราเคยทำรีมิกซ์กับเขามาก่อนแล้วด้วย เราได้ไปอยู่โตเกียวสามสัปดาห์ ไปพบกับเขาเพื่อทำเพลงนี้ แล้วก็เพิ่งปล่อยไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาเป็นคนที่เปิดมาก ได้ไปแฮงเอาต์ด้วยกันแล้วก็ทำงานด้วยกันสนุกมาก ๆ ส่วน Cities Aviv ที่มาฟีเจอริงในเพลง Rise ก็เจ๋งมาก ๆ ในอนาคตคงอยากร่วมงานกับศิลปินสายฮิปฮอปกับสายอิเล็กทรอนิกคล้าย ๆ สองคนนี้ล่ะมั้งครับ
พูดถึงเพลงล่าสุด Agony
ทอมมี่: ดัสตินชอบ Yung Lean มาก เหมือนว่าดัสตินชอบเพลงนี้ของเขามากที่สุดครับ เขาเป็นศิลปินฮิปฮอปที่เป็นแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คน ผมก็ได้ไปช่วยดัสตินทำเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งเขาทำมันเสร็จภายในวันเดียว ผมออกมาจากสตูดิโอประมาณตีสามตีสี่อะ แทบจะวูบไปเลย (หัวเราะ) ตื่นมาอีกทีประมาณเที่ยง แล้วก็เห็นว่าเขาโพสต์เพลงในวันนั้นเลย ก็รู้สึกว่าช่วงนี้เขามีความสนใจศิลปินฮิปฮอปสายทดลองนะครับ
จะได้ฟังอัลบั้มใหม่กันเมื่อไหร่
ทอมมี่: ตอนนี้ทำเพลงกันเยอะมากเลยครับ มีเดโม่ประมาณ 60-70 เพลงแล้วอะ เพลงพวกนั้นยังไม่มีเนื้อเพลงด้วย เราพยายามทำให้มันเสร็จไปทีละเพลง ๆ น่ะครับ แต่ก็เลือกที่ชอบที่สุดจากในนั้นมาทำก่อน อย่าง Somersault ก็คือใส่ไอเดียกันไปเยอะมากกว่าจะออกมา ก็นั่นแหละครับ เราพยายามจะให้มันเป็นรูปเป็นร่างในปีนี้เพราะมีเดโม่เยอะมาก ๆ แล้ว อาจจะทำออกมาได้ 4 อัลบั้มเลย แต่อาจจะออกมาทีละเพลงก่อนครับ
คุณมีเพลงชื่อ Birthday เราเลยอยากรู้ว่าวันหยุดไหน หรือวันแบบไหนที่คุณชอบที่สุด
ทอมมี่: ผมเคยชอบวันเกิดตัวเองนะ แต่ตอนนี้ผมเกลียดมันละ ผมไม่อยากปาร์ตี้แล้วอะ ช่วงนี้ทัวร์เยอะมาก อยากพักผ่อนบ้าง… เอ่อ วันที่ชอบคือวันที่อยู่ในฤดูร้อนของนิวยอร์ก มันไม่ร้อนไป ไม่หนาวไป แล้วก็มีท้องฟ้าสีฟ้าโปร่ง ๆ มีความชื้นในอากาศที่พอดี ๆ
แจ๊ค: ผมชอบวันไหนก็ได้ที่เมฆเยอะ ๆ อะครับ (หัวเราะ)
ทอมมี่: ผมอยู่แต่กับฝนไง เลยอยากได้วันที่แดดออก ส่วนแจ็คเคยอยู่ LA มีแต่แดดจ้า เขาเลยอยากได้ฝนบ้าง ….แต่ถ้าให้เลือกวันหยุด ผมชอบฮาโลวีนครับ มันสนุกสุดละ เพราะวันเกิดเราก็แค่ได้ของขวัญอะไรงี้ใช่มั้ย ให้ของขวัญกันก็จบละ คล้าย ๆ คริสต์มาสอะ แต่ฮาโลวีนคือเราใช้มันเป็นข้ออ้างในการจัดปาร์ตี้ได้ แกล้งผีหลอกใส่เพื่อนได้ มันเป็นสิ่งที่ผมชอบทำที่สุดเลยการแกล้งคนอื่นเนี่ย
มีอะไรที่เคยผิดพลาดในอดีตแล้วอยากกลับไปแก้ไขบ้างไหม
ทอมมี่: …ยากจัง ไม่มีนะ ไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปครับ (หัวเราะ) ผมอาจจะอยากย้ายเข้ามานิวยอร์กเร็วกว่านี้มั้ง เหมือนตอนที่ผมย้ายมาก็อายุ 24-25 แล้วอะ ตอนนี้เลยรู้สึกว่าตัวเองใหม่กับนิวยอร์กมาก บ้านที่เช่าอยู่ก็แพงกว่าสมัยก่อน อย่างดัสตินย้ายเข้ามาตอนอายุ 22 เขาเหมือนจะอยู่ตัวแล้ว เขาได้ที่อยู่ที่โอเค พอเห็นอย่างนี้แล้วผมก็จะคิดว่า เฮ่อ ทำไมไม่รีบย้ายมาตั้งแต่อายุ 18 วะ แต่นิวยอร์กดีครับ เป็นเมืองที่เราจะได้ดูโชว์บ่อยมาก ย้ายมาอยู่นิวยอร์กกันเถอะ (หัวเราะ)
ฝากอะไรกับแฟน ๆ หน่อย
ทอมมี่: สวัสดีครับ (ภาษาไทย) ทุกคนที่อยู่ที่กรุงเทพ ฯ ผมอยากจะขอให้คุณเอาแมงป่องกับตั๊กแตน หรืออาหารอะไรที่คุณว่าแปลกที่สุดมาให้ผมกินหน้าเวทีหน่อย ถ้าจะทำบอดี้เซิร์ฟก็เอาเลยครับ คลั่งให้เต็มที่เลย แล้วอย่าลืมมาสนุกสุดเหวี่ยงไปกับพวกเรา รอไม่ไหวที่จะได้ไป reunion กับคนที่เคยมาดูพวกเรารอบที่แล้วด้วย มันเป็นงานที่ผมมาเล่นในฐานะ Beach Fossils ครั้งแรก แล้วได้มาโชว์ที่กรุงเทพ ฯ เป็นที่แรก จำได้ว่าตอนนั้นเวทีแต่งเป็นไดโนเสาร์ด้วย เป็นโชว์ในความทรงจำที่ดีมาก ๆ ของผม อยากกลับไปแล้วครับ
ทอมมี่บอกอยากเจอเราขนาดนี้ ก็อย่าพลาดงานรวมรุ่นศุกร์นี้ที่ JAMnight Live! with Beach Fossils + Her’s ใครยังไม่มีบัตรก็ตามไปซื้อได้ที่ Ticketmelon