Article Import

โชว์จบ อารมณ์ไม่จบ ชวน alt-J คุยกันอย่างออกรสถึงเคล็ดลับการทำเพลง

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

ยังไม่หายฟินกับ alt-J เลยขอชวนคุยถึงอัลบั้มใหม่และการแสดงสดครั้งแรกของพวกเขาที่กรุงเทพ ฯ

img_5503

Relaxer ชื่อนี้มีที่มายังไง

ตามเนื้อเพลงของเพลง Deadcrush ที่อยู่ในอัลบั้มเลย แต่เราก็ไม่ได้ตัดมาใช้ตรง นะ คือเราหาแค่คำคำหนึ่งที่แทนเพลงนี้แล้วก็ภาพรวมเพลงทั้งหมดในอัลบั้มได้ ซึ่งเรารู้สึกว่า โอเค Relaxer ก็เข้าท่าดี

ทำไมอัลบั้มที่ 3 ถึงใช้เพลง 3WW เป็นเพลงเปิดอัลบั้มแทนการใช้ Intro อย่าง 2 อัลบั้มที่ผ่านมา

ผมคิดว่า 3WW เป็นเพลงที่เหมาะที่จะนำเข้าอัลบั้มที่สามของเรา เราไม่อยากจะยึดให้เป็นแพตเทิร์นขนาดนั้น คือเหมือนทำในชุดแรก ชุดสองมาแล้ว ชุดสามก็อยากเปลี่ยนบ้าง เราเขียนเพลงเปลี่ยนไปในทุกปี

อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนไปในเพลงชุดนี้ถ้าเทียบกับอัลบั้มที่ผ่านมา

คิดว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบเห็นชัดเลยก็จะเป็น music score คิดว่านะ ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่มันมีความผสมกันอยู่ระหว่างดนตรีคลาสสิก แล้วก็มีการใส่จังหวะเคาะ ส่วนเนื้อเพลงก็เป็นการเล่าเรื่องมากขึ้น อย่าง mv ก็มีการถ่ายทำให้มุมมองเหมือนภาพยนตร์มากขึ้น คือปรับทุกอย่างให้เข้ากับสิ่งที่เราอยากจะสื่อผ่านเพลงในอัลบั้มนี้

เพลง House of the Rising Sun ถูกทำให้แตกต่างจากเวอร์ชันของ The Animals ยังไงบ้าง

อย่างที่รู้กันว่าของ The Animals จะมีความเป็นโฟล์กอยู่ด้วย คือเราชอบเพลงนี้และอยากนำมาคัฟเวอร์ แต่ก็ไม่ใช่เล่นตามเป๊ะ เราก็เขียนเนื้อเพลงใหม่ เพราะเราต้องการเล่าเรื่องในแบบของเรา ไม่ได้ไปทำเหมือนเค้าเพื่อให้เกิดการตัดสินว่าสองเวอร์ชันนี้มันต่างกันแค่ที่คนเล่นหรือการอะเรนจ์

เพลงที่ชอบที่สุดในอัลบั้ม Relaxer

ถ้าแสดงสดก็ชอบแนว opera rock แบบ Pleader แต่ละเพลงก็ชอบในส่วนที่แตกต่างกันไป

คิดว่ามีเพลงไหนที่ถูกเอามาเปิดในวิทยุมากเกินไปหรือน้อยไปบ้างไหม เช่น เปิด Breezeblocks บ่อยจังโว้ย

เอาจริงว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับจำนวนการเปิดเพลงของเราบนวิทยุนะ เพราะมันคือความชอบของแต่ละคน มันควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว บางทีมันก็เป็นช่วงเวลาของมันด้วย (สื่อ: ไม่มีแบบ Thom Yorke เอียนกับ Creep บ้างหรอ) ไม่นะ อย่างเราก็ไม่ได้อะไรกับ Creep เหมือนกัน อย่าง Breezeblocks มันก็เป็นงานที่ทำให้เราเป็นที่รู้จัก เป็นเหมือนพื้นเพของเรา เลยไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งมันไปน่ะ

img_5479

พวกคุณมีเพลงไหนที่อยากแนะนำให้แฟน ฟังไหม เพลงอะไรก็ได้ เพลลิสต์อะไรก็ได้

ผมชอบ Marika Hackman เธอเพิ่งปล่อยอัลบั้มใหม่มาเมื่อปีที่แล้วเอง แล้วก็ Jimi Hendrix เพราะโตขึ้นมากับเพลงของเค้าน่ะ เพลงดี เผลอ เป็นศิลปินที่เซ็กซี่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 เลยด้วยซ้ำ ปฏิเสธไม่ได้เลย

แล้วเพลงที่ชอบฟังเวลาอาบน้ำล่ะ ชอบฟังประเภทไหน

คือพวกเราก็ไม่ใช่สายเพลงคลาสสิกขนาดนั้นเนอะ แต่พอพูดถึงแนวนี้ก็นึกถึง Steve Rice, Johann Sebastian Bach สำหรับอัลบั้มที่เหมาะมาก ที่จะเปิดฟังตอนอาบน้ำก็มี Philip Glass, Ravi Shankar, Passenger เพลงเค้าดี

พวกคุณจะทำยังไงถ้าอยู่ ก็เกิดตัน เขียนเพลงไม่ออก

เอ่อ ก็คงจะกังวลมั้งไม่หรอก ถ้าอยู่ คิดไม่ออก เราจะไม่มองว่าเราตัน แต่จะคิดว่าเรายังไม่พร้อมที่จะพาเพลงนี้ไปถึงจุดหมายของมัน เราค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไปกับการทำงาน เพราะงั้นเลยไม่กังวล อีกอย่างเราค่อนข้างอดทนด้วย สิ่งที่ทำคือรอให้แรงบันดาลใจมันเข้ามาหาเราเองมากกว่า

ถ้างั้นพวกคุณใช้เวลานานแค่ไหนในการทำเพลง นึงขึ้นมา  

แต่ละเพลงมันก็ใช้เวลานานไม่เท่ากันนะ บางเพลงก็เร็วมาก บางเพลงก็ใช้เวลาสองสามปีเลย คือเราจะลองเขียน ไว้ว่ามีไอเดียอะไรบ้าง แล้วก็เอามาดูกันว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง

img_5502

เวลาที่ alt-J ขึ้นแสดงในช่วงแรก พวกคุณมีความกังวลบ้างไหม

ถ้าเป็นการแสดงสดคงเป็นเรื่องเสียงที่รู้สึกกังวลนะ อาจจะรู้สึกกดดันหรือประหม่าบ้างแหละเวลาขึ้นแสดง แต่พอเล่นบ่อย มันก็ดีขึ้น อย่างที่เค้าพูดกันแหล่ะว่า ‘Practice makes perfect’ แต่เอาจริงเวลาเล่น เราจะมีความรู้สึกดีมาก เวลาที่มีคนสนใจในสิ่งที่เรากำลังทำ

การแสดงครั้งไหนที่ประทับใจคุณแบบไม่มีวันลืม

จริง เราไปเล่นมาหลายที่มาก แต่ถ้าให้ตอบคงเป็นครั้งที่เล่นในห้องนั่งเล่นในบ้านที่ Leeds อังกฤษ แล้วมีเพื่อนทั้งหมดของเรามาดู นั่นเป็นการเล่นต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกของเรา ซึ่งวันนั้นงานมันออกมาดีด้วย เรารู้สึกดีมาก 

ตั้งแต่ทัวร์มา ชอบคอนเสิร์ตที่ไหนที่สุด

ตอนไปเล่นที่ Strathallan Castle (ปี 2558) รู้สึกแบบโคตรเจ๋ง เป็น venue ที่จุคนดูได้ประมาณ 4,000 คน แล้วมันมีปราสาทอยู่ข้างหลัง มีพวกแบบรูปปั้น หรืออะไรที่ดูแล้วเหมือนสมัยที่เขายังมีการประลองกัน กับตอนเล่นที่ Echostage เพราะมันจัดที่ Georgetown ก็วันนั้นแฟนของผมมาดูด้วย อีกอย่างจอร์จทาวน์เป็นเมืองที่เราโตขึ้น มันก็มีความคุ้นเคย เลยรู้สึกเป็นธรรมชาติดีเวลาเล่นที่นั่น (สื่อ: แล้วที่ Red Rock (ปี 2559) ล่ะ) อ่อ ที่ Red Rock นั่นก็เยี่ยมมาก

แล้วการไปดูคอนเสิร์ตครั้งไหนที่รู้สึกว่าดีที่สุดในชีวิต

สำหรับเราคือการได้ไปดู Django Django ที่ Ypsigrock Festival เมือง Sicily อิตาลี เป็นประสบการณ์ที่เจ๋งมาก

มีคนจำพวกคุณได้ไหมเวลาปรากฎตัวข้างนอก

อย่างตอนที่เราไปดูงาน Glastonbury ก็ไม่มีใครจำเราได้นะ เป็นเพราะ alt-J ไม่เล่น mv เอง แล้วก็ไม่ได้ใช้รูปตัวเองไปอยู่บนปกด้วย ฉะนั้นมันไม่แปลกเลยที่คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าเราเป็นใคร ซึ่งพวกเราก็ชอบนะ การที่พวกเราไม่ได้เป็นที่รู้จักมากมาย คือมันส่วนตัว เวลาจะทำอะไรก็ไม่ต้องคิดมาก แต่ยังไงก็ตามการที่คนเห็นแล้วแบบ จำได้ว่า เฮ้ย! คนนี้อยู่วงนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว สำหรับวงดนตรีอะนะ (หัวเราะ)

มีเหตุการณ์ประทับใจกับแฟน ในแต่ละประเทศไหม

แน่นอน เรามองว่าในเอเชียมันแตกต่างกันนะด้วยวัฒนธรรม ถ้าเรามาทางโซนนี้ก็จะได้ของขวัญเจ๋ง จากแฟนคลับ ที่จำได้ก็เป็นสร้อยคอ มีเฟอร์ ถุงลูกอมที่ใหญ่มาก แต่ถ้าเป็นโซนอเมริกาเวลาเราไปเล่นพวกเขาก็จะร้องตามสุดเสียงหรือไม่ก็มีอารมณ์ร่วมไปกับเพลงของเรามาก  มีคนที่ร้องไห้ไปกับเพลงของเรา ส่วนโซนยุโรปก็จะดูกันเงียบ หน่อย

รู้สึกยังไงที่บัตรคอนเสิร์ตในกรุงเทพ ฯ ขายหมด

ประหลาดใจมาก เหนือความคาดหมายมากครับ ตื่นเต้นสุด ไปเลย

นี่เป็นการมาไทยครั้งแรกของพวกคุณ สำหรับคุณแล้วประเทศไทยเป็นยังไงบ้าง

เยี่ยมเลย ที่นี่มีอาหารอร่อย มีเบียร์ช้าง มวยไทย ของฝากก็เจ๋ง เราสนุกกันมาก แล้วอากาศก็ดีด้วย

เคยคิดเอาเครื่องดนตรีไทยรวมเข้าไปในเพลงของ alt-J ไหม

เอาจริงเรายังไม่รู้จักเครื่องดนตรีไทยเลย ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง มีเสียงแบบไหน เอ่อ คงไม่ทำอะไรเอาใจแฟนขนาดนั้น เราว่ามันคงสนุกถ้าทำแบบนั้นนะ ถ้ามีเวลา แต่ก็ใช่ เราสนใจในเครื่องดนตรีไทยนะ อยากรู้เหมือนกัน

แล้วเครื่องดนตรีไหนที่เป็นอิทธิพลในการสร้างเพลงของคุณ

เอ่อคิดว่าไม่น่าใช่เครื่องดนตรีที่ทำหน้าที่นั้นนะ น่าจะเป็นวิชวลหรือภาพ อะไรที่ใช้การมองเห็น นั่นเป็นสารที่เราใช้ช่วยสื่อไปยังแฟน

img_5497

นี่เป็นอัลบั้มที่ 3 ของ alt-J แล้ว ยังได้ยินคนบอกว่าคุณเป็น Radiohead ยุคใหม่อยู่อีกไหม

หึ (ขำแห้ง) เรายังไม่เคยเจอใครพูดว่าเราเป็น Radiohead อีกวง แต่ถ้าได้ยินก็ปลื้มอยู่นะ Radiohead นี่แบบ งานคราฟต์ แต่ถ้าบอกว่าเราก็อปเขามานี่คงแย่กว่า เพราะแนวเพลงนี่แทบไม่เหมือนกันเลย เราค่อนข้างมีแนวทางของตัวเอง

รู้สึกยังไงที่เพลงไปอยู่ในเกม FIFA 2018

รู้สึกแม่งเจ๋งว่ะ ถ้าเพลงทีได้ไปอยู่ในเกม ในหนังอะไรประมาณนี้ แต่ผมก็ไม่ได้สายเล่นเกมจริงจัง ส่วนตัวรู้สึกว่ามันมีบางเพลงที่เล่าบรรยากาศวัยเรียนของคน หนึ่งได้ อย่างเราจะมีเพลงที่ฟังจากเกม Tango Fiesta ใน PlayStation พอฟังเมื่อไหร่ก็นึกถึงตอนเล่นเกมนี้กับเพื่อน นึกถึงช่วงเวลาดี ตอนนั้น เพราะงั้นเลยคิดว่าเพลงที่อยู่ในเกม มันจะเข้าไปเป็นความทรงจำของคน นึงได้ ไม่รู้ว่าตอบตรงคำถามไหมนะ

พูดถึงเกมของวงใน http://altjband.com/ มีฉากที่ alt-J กินพาสต้า

อ๋อ คือเราอยากให้มันมีบรรยากาศการทำอัลบั้มของเราลงไปในนั้นด้วย แบบเราไปกินกลางวันที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนเล็ก ระหว่างพักจากการทำเพลงในสตูดิโอ ก็นั่นแหล่ะ เลยใส่ฉากนี้เข้าไปด้วย

ขอแนะนำการทำเพลงสำหรับวงดนตรีใหม่

ไปหาแรงบันดาลใจ ไปดูงานศิลปะของคนอื่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ไปแกลลอรี่ ฟังสิ่งที่อาจารย์สอน (หัวเราะ) คือเค้ารู้มากกว่าคุณไง (หัวเราะ) ต้องมีความสนใจในการทำเพลง แล้วความสนใจนั้นจะเติมเต็มตัวคุณเอง หยิบกีตาร์มาแต่งเพลง แรงบันดาลใจมาจากการออกไปหา คุณต้องตั้งใจทำงานเพลงให้เต็มที่มากกว่าเรื่องอื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องแบบ ต้องดูแลแฟนเพจยังไง พวกแบรนด์อะไรแบบนี้ คือมันจะดีเองถ้างานคุณดี เพราะฉะนั้น ทำงานให้หนักเข้าไว้

img_5466

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง