Nerd music…แนวดนตรีเนิร์ด ๆ โดยคนเนิร์ด เพื่อชาวเนิร์ด!!!
- Writer: Piyakul Phusri
มั่นใจว่าแฟน ๆ ฟังใจจำนวนไม่น้อยคงมั่นใจว่าตัวเองเป็น ‘เนิร์ด’ (Nerd) เพลงตัวจริง ที่ฟังได้ทุกแนว ฟังเพลงลึก ยิ่งถ้าชอบแนวไหนเป็นพิเศษก็จะขยันขุด subgenre แปลก ๆ มาฟัง และมีความรู้เรื่องประวัติวงดนตรีแน่นปั๋งระดับสารานุกรมดนตรีเคลื่อนที่
แต่นอกจากการเป็นเนิร์ดในทางดนตรีแล้ว ในโลกแห่งแนวดนตรีอันหลากหลายยังมีดนตรีของชาวเนิร์ด เพื่อชาวเนิร์ด หรือ ที่เรียกว่า ‘nerd music’ อยู่อีกด้วย ซึ่งถือเป็นการแสดงออกของวัฒนธรรมเนิร์ดที่น่าสนใจในอีกรูปแบบ เพราะนัยยะของคำว่า ‘เนิร์ด’ เองมักจะสะท้อนถึงคนที่ฉลาด มีความสนใจหมกมุ่นอยู่กับอะไรบ้างอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคซับซ้อนอย่างหุ่นยนต์ เทนโนโลยี ดาราศาสตร์ นิยายวิทยาศาสตร์ แฟนตาซี เกม หรือความสนใจในโลกอินเทอร์เน็ตในระดับลึกซึ้ง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนขี้อาย พูดน้อย เข้าสังคมไม่เก่ง และมักจะใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มชาวเนิร์ดด้วยกันเอง
นั่นอาจจะเป็นคำอธิบายเดิม ๆ ถึงความเป็นคนเนิร์ดในแบบที่คนที่ไม่ได้เนิร์ดอาจจะเข้าใจกัน แต่ nerd music ก็ถือเป็นรูปแบบในการอธิบายตัวตน และรสนิยมของชาวเนิร์ดได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
nerd music เป็นคำเรียกรวม ๆ ถึงแนวดนตรีที่มีจุดกำเนิดมาจากวัฒนธรรมเนิร์ด nerd music ยุคแรก ๆ เป็นแนวดนตรีที่ถูกเรียกว่า ‘filk music’ ถือกำเนิดขึ้นในการชุมนุมพบปะกันของผู้ชื่นชอบนิยายวิทยาศาสตร์ในช่วงทศวรรษที่ 20 แต่กว่าที่มันจะถูกเรียกว่า filk music ก็ล่วงเข้ามาถึงทศวรรษที่ 50 (ว่ากันว่า ที่มาของคำว่า filk เกิดขึ้นจากการพิมพ์คำว่า folk ผิด เพราะตัว o กับ I อยู่ติดกันบนแป้นพิมพ์) โดยพื้นฐานแล้ว filk music ก็คือดนตรีโฟล์ก ที่มักจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับนิยายวิทยาศาสตร์ หรือนิยายแฟนตาซี (แต่เนื้อหาก็สามารถหลากหลายไปได้ถึงเพลงที่พูดถึงคอมพิวเตอร์ หรือ แมว) filk music มักถูกร้องและเล่นในวงสนทนาที่จัดเป็นกลุ่มรูปวงกลมที่เรียกว่า filk circles ในช่วงดึกของการล้อมวงกันคุยเรื่องเนิร์ด ๆ filk music จึงเป็นรูปแบบของการแบ่งปันความสนใจในเรื่องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น นิยายวิทยาศาสตร์ เรื่องราวแฟนตาซี การผจญภัยของวีรบุรุษในตำนาน ฯลฯ ในรูปแบบของบทเพลง
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพมากขึ้น เพลงโฟล์กแบบ John Denver อาจจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของภูเขา และทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลของอเมริกา แต่เพลงโฟล์กแบบ filker อาจจะพูดถึงความอลังการของ Death Star จากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars อะไรแบบนั้น
– เพลง The USS Make Shit Up ของ Voltaire เนื้อหาพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Star Trek’
– เพลง March of Cambreadth Knigts & Dragons ของ Heather Alexander เนื้อหาว่าด้วยการต่อสู้ของอัศวิน เข้มข้นด้วยกลิ่นอายของเรื่องราวในนิยายแฟนตาซี
ล่วงเข้ามาถึงช่วงปี 2000 ยาวมาถึงปัจจุบัน ความก้าวหน้าของอุปกรณ์ไอทีที่รวดเร็วขึ้น ดีขึ้น แต่มีราคาถูกลง และการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมทั่วโลกยิ่งทำให้ nerd music ไปไกลกว่าดนตรีโฟล์กแบบดั้งเดิม แต่ยังพัฒนาแตกแยกย่อยไปอีกมากมายหลาย subgenre ตามแนวดนตรีที่ชาวเนิร์ดแต่ละสายชื่นชอบ และตามแต่ความสนใจของชาวเนิร์ดแต่ละกลุ่ม ซึ่งเรามี subgenre ของ nerd music บางแนวที่น่าสนใจมาแนะนำกัน
Chiptune
หรือที่รู้จักกันดีในนามดนตรีแนว 8-bit นั่นเอง เป็นการนำเสียงสังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ๆ หรือ เกม arcade เกมกด เกมบอยเมื่อราว 30 ปีก่อน ที่เป็นเสียงแห้ง ๆ แบน ๆ มีความปี๊บ ๆ แบบเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคโบราณ มาผสานรวมกับเสียงของเครื่องดนตรีปกติ หรือ กับเสียงสังเคราะห์อื่น ๆ และน่าจะเป็นแนวดนตรี nerd music ที่เป็นที่คุ้นหูมากที่สุด
– Random Chiptune Radio สถานีวิทยุออนไลน์ที่มีเพลง Chiptune ให้ฟังตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่ซ้ำ
Bubblegum Dance
เป็นแนวย่อยของ Eurodance อีกที เป็นเพลงเต้นรำที่มีภาคดนตรีที่ฟังแล้วนึกถึงเพลงสำหรับเด็ก เสียงนักร้องคล้ายเสียงเด็ก เนื้อหาก็เป็นเรื่องราวแบบเด็ก ๆ เบา ๆ สไตล์โลกสดใส เป็นแนวที่ได้รับความนิยมในประเทศสแกนดิเนเวีย และศิลปินแนวหน้าของแนวนี้ก็คือวง Aqua
– เพลง Barbie Girl ของ Aqua ที่น่าจะเคยผ่านหูทุกคนมาแล้ว
Future Bass
หนึ่งในแนวดนตรีเต้นรำอิเล็กทรอนิก (EDM) ที่ได้รับความนิยมสูงในช่วงหลัง โดยพื้นฐานแล้วก็เป็นดนตรีเต้นรำที่เน้นเสียงเบสหนัก ๆ ยืนพื้น แต่เติมสีสันด้วยเสียงสังเคราะห์แบบ chiptune ที่ฟังแล้วชวนนึกถึงเพลงประกอบเกมคอมพิวเตอร์ และมีโทนของความสดใสอยู่ในเพลงค่อนข้างสูงกว่าเพลง EDM สายโหดอื่น ๆ
– เพลง Alone เพลงเต้นรำเนื้อหาเหงา แต่ดนตรีสดใสมากของ Marshmello ดีเจหัวกระป๋องที่ไม่เปิดเผยตัวจริง และเคยมาแสดงที่ไทยหลายครั้งแล้ว
Happy Hardcore
ลืมภาพเพลงฮาร์ดคอร์ที่เนื้อหารุนแรง และภาคดนตรีที่หนักหน่วงและหม่นเทาไปก่อน happy hardcore หรือ dancecore จะนำเสนออีกมุมของดนตรีฮาร์ดคอร์ให้คุณ ด้วยภาคดนตรีเร็วจี๋ราว 160-190 bpm เล่นด้วยคีย์เมเจอร์ทำให้โทนเสียงให้ความรู้สึกสว่าง ผสมผสานกับเอฟเฟคที่สร้างเสียงสดใส แต่ก็ยังมีพื้นฐานของความดุดันของดนตรีฮาร์ดคอร์ยืนพื้นอยู่
– รวมฮิตเพลงของ S3RL ที่ฟังแล้วนึกถึงเพลงเกมเต้นที่เคยฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อราวสิบกว่าปีก่อน
Nerdcore
แนวย่อยของดนตรีฮิพฮอพ ที่นำเสนอเนื้อหาแบบเนิร์ด ๆ อย่างเรื่องการเมือง นิยายวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ หนังโป๊ออนไลน์ ไปจนถึงแร็ปเป็นเรื่องราวจาก Star Wars
– เพลง It Is Pitch Dark ของ MC Frontalot ที่เนิร์ดทั้งเนื้อหาอย่างคำว่า type >run and you’re running ในเนื้อร้อง และลุคของศิลปินที่ดูเนิร์ดมาก ๆ
Skweee
เป็นแนวดนตรีที่เกิดขึ้นในสวีเดนและฟินแลนด์ เป็นการผสมเสียง chiptune เข้ากับไลน์เบส และจังหวะแบบฟังก์ r&b หรือโซล ชื่อ Skweee เป็นการเล่นกับคำว่า squeeze (คั้น) สื่อถึงการใช้ analog synthesizer เพื่อ ‘คั้น’ เอาเสียงที่น่าสนใจออกมา
– เพลง Lipton Service Boy ของ Eero Johannes
Wizard Rock
ถ้าคุณเป็นแฟน Harry Potter แนวนี้อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เพราะ Wizard Rock คือเพลงร็อกที่นำเรื่องราวจากนวนิยายชื่อดัง Harry Potter มาแต่งเป็นเพลงนั่นเอง
– เพลง Voldemort Can’t Stop the Rock ของวง Harry and the Potters ที่แม้แต่เจ้าแห่งศาสตร์มืดก็ยังพ่ายแพ้ให้ความเนิร์ด!
Fact: สำหรับแฟน Fungjaizine ที่สนใจ nerd music หรือ nerd culture และอยากไปสัมผัสวัฒนธรรมเนิร์ดให้ถึงกึ๋น มีเทศกาล Nerdapalooza ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีที่เมือง Orlando สหรัฐอเมริกา สนใจก็ข้ามน้ำข้ามทะเลไปสัมผัสแก่นแท้แห่งวิถีแบบเนิร์ดกันได้เลย
อ่านต่อ
Wizard Rock พ่อมดเพลงร็อก แนวดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Harry Potter