ทำไมการจากไปของศิลปินที่เรารักถึงสะเทือนใจเราขนาดนี้
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Art Director: Thanaporn Sookthavorn
ใครรู้สึกว่าการจากไปของ David Bowie สะเทือนจิตใจมาก ๆ ขอให้ยกมือขึ้น ผมเองก็เช่นกัน ถ้าคุณนึกไม่ออกว่า David Bowie ทำให้คุณรู้สึกสะเทือนใจยังไง อาจจะนึกถึง Chester Bennington หรือใกล้ตัวหน่อยก็ สิงห์ Sqweez Animal ก็ได้
วินาทีที่เราได้รู้ว่าศิลปินที่เรารักได้จากไปแล้วผ่านไทม์ไลน์บนทวิตเตอร์หรือหน้าฟีดในเฟซบุ๊ก เชื่อว่าคงมีหลายอารมณ์ประเดประดังเข้ามาพร้อมกันในหัว และเริ่มแสดงความเสียใจกันผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กของตัวเองในทันทีที่ทำได้ แต่มีบางคนเหมือนกันที่สะเทือนใจมาก ๆ จนร้องไห้ออกมาหรือจิตตกจนต้องเก็บตัวเงียบ ๆ ไปซักพักหนึ่งเลย
เราดูหนังพวกเขา เราฟังเพลงพวกเขาในชีวิตประจำวันจนเรารู้จักพวกเขามากขึ้น เหมือนพวกเขาคือหนึ่งในครอบครัวของเรา เมื่อพวกเขาจากไปก็เหมือนเราสูญเสียสมาชิกในครอบครัวเหมือนกัน ใครบางคนที่เรารู้สึกว่าผูกพันกับเขา
ผมจำความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านี้ได้ เพราะมันเกิดขึ้นกับผมจริง ๆ ตอนที่ได้รู้ว่า Robin Williams นักแสดงตลกอารมณ์ดีที่เสียชีวิตไปแบบกะทันหันมาก ๆ อารมณ์ผมดิ่งลงทันทีและคิดถึงหนังหลาย ๆ เรื่องที่เขาแสดง ผมกลับไปไล่ดูหนังพวกนั้นอีกครั้งและน้ำตาคลอทุกครั้งเมื่อถึงฉากที่ลุงแกยิ้ม มันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าแม้แต่คนที่น่าจะมีความสุขที่สุดในโลกยังตัดสินใจด่วนจากโลกนี้ไป
บางคนอาจจะบอกว่าคนพวกนี้ ‘โอเวอร์’ กันเกินไปรึเปล่า หลายคนที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความเสียใจนี้ก็อาจจะสงสัยเหมือนกันว่าทำไมพวกเราต้องเศร้าขนาดนี้ ทั้งที่เราอาจจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก พวกเราแค่รักเขาในฐานะศิลปินที่สร้างความสุขให้เรามาตลอดคนหนึ่ง David Kaplan หนึ่งในหัวหน้าทีมของสมาคมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกัน (American Counseling Association) ได้ออกมาให้ความเห็นว่า ต่อให้คุณอธิบายไม่ได้ว่าความเศร้านี้คืออะไร ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ใช่ความเศร้า
“เราเติบโตขึ้นมากับพวกเขา” David Kaplan กล่าว “เราดูหนังพวกเขา เราฟังเพลงพวกเขาในชีวิตประจำวันจนเรารู้จักพวกเขามากขึ้น เหมือนพวกเขาคือหนึ่งในครอบครัวของเรา เมื่อพวกเขาจากไปก็เหมือนเราสูญเสียสมาชิกในครอบครัวเหมือนกัน ใครบางคนที่เรารู้สึกว่าผูกพันกับเขา”
Kaplan ยังกล่าวอีกว่ามนุษย์ยังคงเป็นสัตว์สังคม พวกเขาต้องการใครซักคนเวลาต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียซึ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัย บางคนอาจต้องการการปลอบใจทางร่างกาย แต่ยุคนี้พวกเขาต้องการแค่ต้องการพื้นที่ปลดปล่อยทางจิตใจบนอินเทอร์เน็ต “คุณอาจได้เห็นคนอีกเป็นร้อยเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังสื่อ และนั่นช่วยเยียวยาเราได้จริง ๆ เราแค่เพียงอยากรู้ว่าเราไม่ได้รู้สึกเศร้าอยู่คนเดียว”
หลายคนอาจเศร้ากับการจากไปของศิลปินด้วยเหตุผลหลายอย่างโดยที่คนอื่นไม่รู้สึกอะไร ลองทบทวนดูว่าเหตุผลเหล่านี้เพียงข้อเดียวก็ทำให้เราเสียใจมากพอแล้ว
– เราไม่รู้จักศิลปินเป็นการส่วนตัว แต่เราสนิทกับพวกเขา เราติดตามผลงานของเขามาตลอด เราได้เห็นพวกเขาเติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เราอยู่กับเขาในช่วงที่รุ่งและร่วงของเขา เราจึงรู้สึกเชื่อมต่อกับชีวิตพวกเขาในทางใดทางหนึ่ง มันไม่เกี่ยวกับว่าเรารักเขาแค่ไหนหรือยกย่องเขาในทางใด แต่บางครั้งพวกเขาคือภาพแทนของตัวเราในช่วงเวลาหนึ่ง หรือพวกเขาคือจุดมุ่งหมายที่เราอยากจะเป็นให้ได้ หรือบางครั้งพวกเขาคือความทรงจำดี ๆ ในอดีตที่ทำให้เราผ่านพ้นช่วงยากลำบากมาได้ เมื่อพวกเขาจากไปก็เหมือนเราได้สูญเสียความทรงจำในอดีตไปด้วย
– ศิลปินคนนั้นเชื่อมต่อกับคนในครอบครัวของเราที่จากไปแล้ว ศิลปินคนนี้อาจเป็นที่รักของพ่อแม่พี่น้องหรือญาติของเราที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อศิลปินคนนั้นจากโลกนี้ไปบ้าง มันอาจทำให้ความรู้สึกบาง ๆ ที่เชื่อมเรากับคนในครอบครัวของเราขาดลง ทำให้เรานึกถึงความสูญเสียอีกครั้ง
– เราอาจนึกถึงความสูญเสียในแบบที่ศิลปินจากไป เราอาจมีคนที่เรารักจากไปเพราะโรคร้าย อุบัติเหตุหรือการใช้ยาเสพติด พอศิลปินที่เรารักเสียชีวิตด้วยสาเหตุเดียวกันก็ทำให้เราเผชิญหน้ากับความเศร้าที่เคยผ่านมาอีกครั้งก็ได้
– ศิลปินคนนี้คือคนที่ปลอบประโลมเรามาตลอด ในวันแย่ ๆ ที่ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลย การเปิดเพลงของพวกเขาฟังทำให้เราผ่านมันมาได้ เหมือนพวกเขาเขียนเพลงประกอบหนังในชีวิตของเราเลยก็ไม่ปาน พอถึงวันที่ศิลปินที่เรารักจากไปมันคงทำให้เราฟังเพลงเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อข่าวการตายของเขาดังไปทั่วทั้งทีวีหรือในโซเชียลก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกนี้ไปทุกครั้ง ยิ่งได้ยินคำพูดของคนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของเรามันยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่ว่าแค่ศิลปินตายคนเดียวจะอะไรหนักหนา มันยิ่งทำให้เรารู้สึกฝังใจและไม่กล้าที่จะระบายความรู้สึกออกมา
– พวกเขาไม่มีทางได้สร้างผลงานใหม่ ๆ อีกแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกทุกครั้งเวลาได้ยินข่าวศิลปินซักคนเสียชีวิต แม้ผลงานที่เขาเคยสร้างสรรค์ไว้จะยังเหลือไว้อยู่บนโลก แต่เราคงไม่ได้เห็นการเติบโตของพวกเขาอีกแล้ว
สำหรับใครที่ยังรู้สึกแย่กับการจากไปของศิลปินที่รัก Kaplan ก็มีข้อแนะนำดังนี้
ไม่ใช่ความผิดเลยที่จะรู้สึกเศร้า
แค่การเสียใจกับการสูญเสียศิลปินที่เรารักไปไม่ได้แปลว่าความเสียใจของเราจะเป็นของปลอมหรือไม่มีค่าอะไร คนเราอาจรู้สึกเชื่อมต่ออย่างรุนแรงกับใครซักคนได้ เหมือนที่เรารู้สึกกับพ่อแม่ แฟนหรือสัตว์เลี้ยง ความเศร้าเป็นสิ่งที่แตกต่างไปในแต่ละคน “เรามีแนวโน้มจะแบ่งแยกความเศร้าในแต่ละระดับตามแต่บุคคล แต่ความเศร้าก็คือความเศร้าแล้วแต่ละคนก็รับมือกับมันยังไง ในแบบของตัวเอง”
ขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว
“ความเศร้าเป็นเรื่องธรรมชาติ” Kaplan บอก “แต่ถ้ามันเริ่มแทรกแซงชีวิตประจำวันของเรา นั่นเป็นสัญญาณว่ามันไม่ปกติแล้ว”
หาโอกาสบอกเล่าความรู้สึกสูญเสียของตัวเอง
การสื่อสารกับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารู้จักหรือกลุ่มคนที่รักศิลปินเหมือนเราบนโซเชียลช่วยให้เราเยียวยาตัวเองได้เร็วขึ้น เดี๋ยวก็ยังมีสายด่วนเกี่ยวกับสุขภาพจิตหรือเว็บไซต์ให้เราปรึกษาเกี่ยวกับความสูญเสียอยู่มากมาย ไม่ต้องอายที่จะโทรไปเพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับความรู้สึกเศร้าต่อศิลปินที่เรารัก
ใครเคยรู้สึกเสียใจมาก ๆ ที่ศิลปินคนไหนจากไป ลองมาแชร์กับ FJZ ได้นะ จะได้รู้ว่าเราไม่ได้เสียใจอยู่คนเดียว