Article Guru

ขวัญอ่อนอย่าฟัง! ขนลุกชูชันไปกับ Horrorcore เพลงแร็ปที่ผสมกับเพลงสยองขวัญอย่างลงตัว

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Art Director:

เพลงฮิปฮอปยังคงเป็นอุตสาหกรรมระดับพันล้านที่เติบโตไปทั่วโลก และความสดใหม่ที่ทำให้เพลงฮิปฮอปยังคงอยู่มาได้ถึง 40 ปี ก็คือความหลากหลายในแนวเพลงย่อยและการแร็ป เมื่อการติดตามฟังแนวเพลงใหม่ ๆ ของฮิปฮอปทำได้ง่ายขึ้นมากผ่านอินเทอร์เน็ต มันก็ยั่วยวนซะเหลือเกินที่เราจะได้ลองเจาะลึกลงไปหาแนวแปลก ๆ มาฟังมากขึ้น และเราก็พบว่า Horrorcore เป็นแกะที่ตัวดำที่สุดในฝูงเพลงฮิปฮอปที่น่าสนใจสุด ๆ

นอกจาก horrorcore จะเป็นแนวเพลงที่โชว์ศักยภาพในการแร็ปแบบเพียว ๆ แล้ว ดนตรีของมันยังใช้เพลงธีมที่เหมือนหนังสยองขวัญโดยมีเมโลดี้ไม่กี่ตัวเพื่อช่วยส่งให้การแร็ปดูโดดเด่นขึ้น แต่หัวใจหลักของการทำเพลงแนว horrorcore คือเนื้อเพลงที่พูดถึงความรุนแรง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากแนวเพลง gangsta rap ที่พูดถึงชีวิตอาชญากรรมหรือคดีโหดร้าย ไปจนถึงการฆ่าฟันกันน่าสยดสยองไร้ความปราณีหรือฆาตกรโรคจิต บางครั้งก็เป็นเรื่องเล่าเหนือจริงที่พูดถึงนรก ความวิปริตที่ไม่น่ามีอยู่บนโลกนี้ หรือความสยองขวัญจากต่างมิติเลยทีเดียว

ช่วงยุค 80s ที่ horrorcore ยังไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจน Jimmy Spicer แร็ปเพลง Adventures of Super Rhyme ถึงประสบการณ์การเจอผีดูดเลือดของตัวเองเป็นเวลา 15 นาทีให้สถานีวิทยุฟัง ซึ่งเขายืนยันว่าไม่ได้เมายาแน่นอน หรือเพลง Nightmare ของ Dana Dane ที่พูดถึงฝันร้ายของตัวเอง การแร็ปที่พูดถึงเรื่องน่ากลัวโดยผสมกับเพลงป็อบก็ถูกยกให้เป็นยุคแรกของ horrorcore

ช่วงยุคหลัง 80s มีเพลง A Nightmare on My Street ถูกปล่อยออกมาโดยได้แรงบันดาลใจจาก Freddy Krueger ผีจากหนังเรื่องนิ้วเขมือบ (เด็ก ๆ จะรู้จักมั้ยเนี่ย ฮือ) แถมนิ้วเขมือบภาคสี่ยังได้ Fat Boys มาทำเพลงแร็ปให้กับ Are You Ready For Freddy โดยจะออกไปในแนวตลกมากกว่า แต่อีกด้านหนึ่งของเมือง คนชอบฟังเพลงคงขำไม่ออกเพราะ Geto Boys ก็เริ่มมีแนวทางชัดเจนในแนวเพลงนี้มากขึ้น เพลงที่สร้างความฮือฮามาก ๆ คือ Assassins ที่พูดถึงชีวิตเสเพลของวัยรุ่นคนหนึ่งที่ก่ออาชญากรรมรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ยิงแสกหน้าคุณยายคนหนึ่ง จนถึงเอาเลื่อยไฟฟ้าไล่ฟันคน!

อีกหนึ่งคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับแร็ปเปอร์ horrorcore หลายคนคือ Esham กับอัลบั้ม Boomin Words From Hell ที่ใช้เมืองเกิดของเขาเป็นเนื้อเพลงชั้นเลิศในการเล่าเรื่อง เพลงของเขาไม่ได้พูดถึงความโหดร้ายในชีวิตไว้เกินจริงเลย เพราะช่วงเขาอายุ 16 อาชญากรรม ความสิ้นหวัง และการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องปกติ เขาอ้างว่าเพลงของเขาเป็น acid rap ที่ผสมดนตรีร็อกเข้ามาในเพลงแร็ป แต่นักฟังเพลงก็ยังยกให้เขาขึ้นหิ้ง horrorcore แนวหน้าคนแรก ๆ อยู่ดี

ในปี 2000 horrorcore ถูกพูดถึงในสื่อครั้งแรกโดยการแนะนำวง Insane Poetry กับเพลง How Ya Gonna Reason With a Psycho ที่พูดถึงความบ้าคลั่งของคนเสียสติ และมีอีกหลายคนที่ออกมาพูดว่าตัวเองทำเพลงแนวนี้อย่าง R.A. the Rugged Ma เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ผมใส่หนังสยองขวัญลงไปในเมโลดี้ทุกตัว” เขาได้แรงบันดาลใจในการแร็ปมาจากหนังโหดมากมายโดยเปรียบเปรยไว้ว่า แร็ปเปอร์ทั่วไปมีความกล้ากับปืน แต่เขามีขวานที่เต็มไปด้วยเลือด

อีกหนึ่งวงที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในการทำเพลง horrorcore คือ The Insane Clown Posse ทุกคนยกให้เพลง The Dead Body Man คือฑูตของแนวเพลง horrocore เลยทีเดียว ปัจจุบันพวกเขาได้เปิดค่ายเพลง Psychopathic Records มายี่สิบปีแล้วโดยรวบรวมศิลปินที่ทำเพลง horrorcore โดยเฉพาะเลย

แนวเพลง horrorcore ก็ยังได้รับความนิยมมาถึงทุกวัน โดยอยู่ในหนังสยองขวัญหรือหนังโหดเลือดสาดเกรด B มากมาย และสถานีวิทยุก็ยังให้พื้นที่กับเพลงแนวนี้เยอะมากขึ้น ทั้งยังมีคอนเสิร์ตในวันฮาโลวีนด้วย แม้การจำกัดความของคำว่า horrocore อาจยังไม่ชัดเจนขนาดนั้น แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าแนวเพลงอย่างฮิปฮอปหรือการแร็ปนี่มันยังดิ้นไปได้อีกหลายแบบเท่าที่เราจะคิดได้

นอกจากอินเทอร์เน็ตจะทำให้เรารู้จักคนทำแนวเพลงย่อย ๆ อย่าง horrorcore และเกิดการฟังจนแนวเพลงนี้เติบโตมากขึ้น สำคัญที่สุดคือมันนำพาให้แฟนเพลงแนวนี้ได้เชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนแนวเพลงที่หลากหลายกันด้วย horrorcore อาจแอบซ่อนอยู่ในมุมมืดของเว็บบอร์ดที่เราเล่นหรือสตรีมมิ่งที่เราฟังกันอยู่ทุกวันก็เป็นได้~

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา