Bologna เมืองที่ทุกแห่งหนล้วนเกี่ยวพันกับดนตรี
- Writer: Piyakul Phusri
ถ้าเอ่ยชื่อ ‘เมืองแห่งเสียงดนตรี’ ขึ้นมาสักเมือง คุณจะคิดถึงเมืองไหน?
ลอนดอน ดีทรอยต์ เวียนนา เมมฟิส เบอร์ลิน นิวยอร์ก หรือนิวออร์ลีนส์ คงจะเป็นคำตอบแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในสมอง และเมืองเหล่านี้ก็ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อวงการดนตรีโลกอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่เราอยากจะพาคุณไปเที่ยวเมืองแห่งเสียงดนตรีที่การันตีโดยองค์การ UNESCO ให้เป็นหนึ่งใน The Cities of Music ภายใต้โครงการ UNESCO Creative Cities Network ซึ่งเป็นโครงการที่ดึงเอาความคิดสร้างสรรค์ที่ถือเป็นอัตลักษณ์เด่น ๆ ของเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกมาสร้างเป็นเครือข่ายการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
และหนึ่งในเมืองที่สมัครเข้าร่วมโครงการนี้เป็นเมืองแรก ๆ และถือว่ามีรากฐานทางดนตรีอย่างเข้มแข็งมากที่สุดก็คือเมืองโบโลญญา (Bologna) ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี
แฟนฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อาจจะคุ้นชื่อโบโลญญากันดีเพราะที่นี่คือบ้านของสโมสรฟุตบอล Bologna F.C. 1909 โบโลญญาเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานตั้งแต่ก่อนยุคโรมัน ซึ่งในปัจจุบันพื้นที่ใจกลางเมืองยังเป็นเขตเมืองสถาปัตยกรรมยุคกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ประกอบด้วยอาคารโบราณอายุหลายร้อยปี ทางเดินใต้เฉลียงอาคาร (porticoes) ที่มีซุ้มโค้งทอดยาวกว่า 40 กิโลเมตร และหอคอยในสไตล์ยุคกลางจำนวนมาก ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโบโลญญา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1088
คงจะพอเห็นเค้าลาง ๆ แล้วว่าความรุ่มรวยทางศิลปะของโบโลญญาเกิดจากการทั้งสภาพแวดล้อมของเมืองเองที่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยงานสถาปัตยกรรม และเป็นเมืองแห่งการศึกษามาเกือบพันปี และในปี 2006 สภาเมืองโบโลญญาก็เข้าร่วมโครงการ UNESCO Creative Cities Network ในสาขา The Cities of Music เคียงคู่กับเมืองลิเวอร์พูลในอังกฤษ คิงสตันในจาไมก้า แคนซัส ซิตี้ ในสหรัฐอเมริกา ฮามามัตสึ แห่งญี่ปุ่น เซบีญ่า แห่งสเปน และเมืองอื่น ๆ อีกมากกว่า 30 เมืองทั่วโลก
แล้วเมืองที่มีประชากรเพียงล้านกว่าคนแห่งนี้มีความสลักสำคัญอะไรบนแผนที่ดนตรีโลก เราลองมาไล่เรียงกันดูเป็นข้อ ๆ และลองเปรียบเทียบกับเมืองที่คุณอาศัยอยู่ดูว่ามีความเหมือนหรือต่างกันตรงไหนบ้าง
เมืองแห่งเครือข่ายความร่วมมือทางดนตรีอันกว้างขวาง
เนื่องจากเป็นเมืองที่มีรากฐานทางศิลปะที่เข้มแข็งมาตั้งแต่โบราณ จึงมีสมาคมด้านดนตรีที่ลงทะเบียนกับสภาเมืองโบโลญญาถึง 110 สมาคม (จากจำนวนสมาคมด้านศิลปะทั้งหมด 602 สมาคม) สมาคมเหล่านี้ทำหน้าที่ส่งเสริมและวิจัยความรู้เกี่ยวกับดนตรี ฝึกฝนนักดนตรี ผลิตงานดนตรี จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับดนตรี ไปจนถึงจำหน่ายผลงานดนตรี ทำให้โบโลญญามีกิจกรรมทางดนตรีตลอดปี และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเมือง
เป็นบ้านของสถาบันด้านดนตรีชั้นนำ
โบโลญญาเป็นบ้านของ Accademia Filarmonica สถาบันด้านดนตรีชั้นนำ และโรงละคร Teatro Comunale ของเมืองนี้ก็เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1763 ถึงจะเป็นเมืองโบราณ แต่เมืองนี้ก็ไม่ได้เน้นแต่สายดนตรีคลาสสิกอย่างเดียว โรงเรียนดนตรี G.B. Martini ก็เป็นอีกสถาบันทางดนตรีที่มีชื่อเสียงด้านการสอนดนตรีร่วมสมัย
มหาวิทยาลัยโบโลญญาเปิดสอนในสาขาศิลปะ ดนตรี และ การแสดง (DAMS, Dipartimento di Arte, Musica e Spettacolo) ตั้งแต่ทศวรรษที่ 70s และยังคงเปิดสอนมาจนถึงปัจจุบัน โดยแต่ละปีจะรับนักศึกษาเข้าเรียน 130 คน
ประวัติศาสตร์ของเมืองล้วนเกี่ยวพันกับดนตรี
รูปภาพของนักบุญเซซิเลีย (St. Cecilia) นักบุญผู้อุปถัมภ์งานดนตรี ผีมือของราฟาเอล (Raphael) จัดแสดงที่ Bologna National Gallery เป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่บอกให้ผู้มาเยือนรู้ว่าดนตรีมีความสำคัญต่อเมืองแห่งนี้อย่างไร คีตกวีชื่อก้องอย่าง Mozart ก็เคยมาเยือนเมืองแห่งนี้ รวมถึง Wagner ที่ได้รับเกียรติให้เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของโบโลญญาในปี 1876 คีตกวีอิตาเลียนคนสำคัญ ๆ อย่าง Rossini, Donizetti, Farinelli, Verdi และ Respighi ต่างก็เคยใช้ชีวิต เล่าเรียน หรือ ทำงานในเมืองนี้มาก่อน
ปัจจุบัน โบโลญญาก็ยังเป็นบ้านของนักแต่งเพลงป็อปอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Francesco Guccini, Lucio Dalla และ Gianni Morandi ที่นี่ยังเป็นที่พักอาศัยของศิลปินแจ๊สระดับโลกอย่าง Steve Grossman และ Paolo Fresu อีกด้วย
มีกิจกรรมทางดนตรีแน่นเอี๊ยด
โบโลญญาเป็นสถานที่จัดเทศกาลทางดนตรีที่มีความสำคัญทั้งในระดับชาติ และระดับโลกมากมาย เช่น ‘2 Agosto ’ (2 สิงหาคม) งานประกวดการประพันธ์ดนตรีระดับนานาชาติที่แต่เดิมจัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยต่อเหยื่อในเหตุการณ์ก่อการร้ายที่สถานีรถไฟโบโลญญาในปี 1980 แต่ความเศร้าจากเหตุการณ์ครั้งนั้นกลับเปลี่ยนเป็นพลังสร้างสรรค์ในการประพันธ์บนเพลง เป็นการประกวดการประพันธ์ดนตรีเพื่อใช้ความคิดสร้างสรรค์ และเสียงดนตรีต่อสู้กับการก่อการร้าย และก้าวสู่การเป็นหนึ่งในเทศกาลแข่งขันการประพันธ์ดนตรีระดับโลกในที่สุด
ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดงาน European Jazz Festival, Bologna Festival และ Angelica ซึ่งมีทั้งดนตรีแจ๊ส คลาสสิก บาโร้ก และ ดนตรีร่วมสมัยให้ได้เสพในเมืองเดียว โบโลญญายังให้ความสำคัญกับการปลูกฝังดนตรีในหัวใจเยาวชน โดยจัดงาน Zecchino d’Oro Festival ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรีขับร้องประสานเสียงสำหรับเด็กอีกด้วย
เป็นฐานในการผลิตงานดนตรีทุกระดับ
นอกจากจะเป็นที่อยู่ และที่ทำงานของทั้งคีตกวี และนักแต่งเพลงชื่อดังมากอย่างยาวนาน โบโลญญายังเป็นที่อยู่ของคนทำงานด้านดนตรีอีกเป็นจำนวนมาก ที่นี่มีห้องซ้อม และสตูดิโอบันทึกเสียงจำนวนมาก และแน่นอนว่าที่นี่ยังเป็นบ้านของค่ายเพลงอิสระมากมาย ขณะเดียวกันก็มีสำนักงานบริหารจัดการด้านสิทธิประโยชน์จำนวนมากเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนศิลปินที่อยู่ในเมือง
สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางวัฒนธรรมได้อย่างสะดวกสบาย
โบโลญญาเต็มไปด้วยห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ และฮอลแสดงคอนเสิร์ต และเกือบทุกแห่งก็ทำหน้าเกี่ยวข้องกับการแสดงดนตรี การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม และการเผยแพร่วัฒนธรรม โบโลญญาจึงถูกจัดให้เป็นเมืองอันดับหนึ่งของอิตาลีในด้านกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่มากทั้งปริมาณและคุณภาพ ห้องสมุดเก่าแก่ชื่อ Archiginnasio เป็นที่เก็บบันทึก และหนังสือที่เกี่ยวข้องกับดนตรี และคีตกวีชื่อดัง และ Stabat Mater ในหอสมุดแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ Donizetti ควบคุมการแสดงการขับร้องบทเพลง oratorio ของ Rossini เป็นครั้งแรก
ในปี 2004 โบโลญญาได้เปิดให้บริการ International Museum and Library of Music ขณะเดียวกัน ห้องสมุดประจำเมืองอย่าง Biblioteca Sala Borsa ก็มีคอลเลคชั่นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับดนตรีจำนวนมาก และประชาชนสามารถเข้าใช้ได้ฟรี
มีงานแฟร์ทางวัฒนธรรมมากมาย
Bologna Trade Fair เริ่มจัดครั้งแรกตั้งแต่ปี 1888 ที่โบโลญญา เป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับดนตรี อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และ ศิลปกรรม ซึ่งถือเป็นงานแฟร์ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของอิตาลีในระดับชาติ BolognaFiere ซึ่งเป็นผู้จัดงานอีเว้นท์รายสำคัญของเมืองยังเป็นผู้จัดงานทางด้านศิลปวัฒนธรรมขนาดใหญ่อย่าง Arte Fiera/Art First หรือ International Children’s Book Fair เป็นประจำทุกปีอีกด้วย
กำหนดเขตพื้นที่ในเมืองเพื่อใช้ประโยชน์ด้านศิลปะอย่างเต็มที่
Manifattura delle Arti หรือ Factory of the Arts คือพื้นที่กว่า 100,000 ตร.ม. ใจกลางเมืองโบโลญญา แต่เดิมเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมและการค้าที่สำคัญที่สุดของเมืองจนถึงศตวรรษที่ 19 ต่อมา เมืองโบโลญญาได้ทำการอนุรักษ์ตัวพื้นที่ตลอดจนอาคารต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านศิลปะ และสถาปัตยกรรม หอจดหมายเหตุภาพยนตร์ และ พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยก็อยู่ในพื้นที่ของ Manifattura delle Arti เช่นกัน เขตพื้นที่อนุรักษ์ศิลปะแห่งนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมทางสังคม และการส่งเสริมวัฒนธรรมตลอดปีอีกด้วย
เต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวผู้รักอิสระและศิลปะ
เมืองโบโลญญามีชื่อเล่นว่า ‘La Dotta’ หรือ ‘ผู้รู้’ ซึ่งมีที่มาจากการเป็นสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และแน่นอนว่าเมื่อมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่ในเมือง โบโลญญาก็ย่อมมีบรรยากาศของโลกวิชาการ และศิลปะอบอวลอยู่ทั่วเมือง สภาเมืองโบโลญญาเองก็ให้อิสระในการศึกษา และการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างเต็มที่ หนุ่มสาวจากทั่วอิตาลี ตลอดจนยุโรปจึงมายังโบโลญญาทั้งเพื่อการศึกษาเล่าเรียน และการเสพดนตรีตลอดจนงานศิลปะทั้งเก่าและใหม่ที่มีอยู่ทั่วเมือง แม้แต่ปัญญาชนในสมัยอดีตอย่าง Copernicus, Erasmus, Dante, Petrarca และ Thomas Becket ล้วนเคยมาสัมผัสเสรีภาพทางวิชาการและศิลปะที่โบโลญญากันแล้วทั้งนั้น
พื้นที่สาธารณะเพื่อการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม
โบโลญญาใช้ประโยชน์จากงานสถาปัตยกรรมในเมืองอย่างเต็มที่ ทั้งทางเดินใต้เฉลียงอาคาร (porticoes) จัตุรัส และ สวนสาธารณะ สถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการจัดคอนเสิร์ต โดยเฉพาะในฤดูร้อน คอนเสิร์ตในโบโลญญาส่วนใหญ่จะจัดในพื้นที่เปิด และมักจะเป็นฟรีคอนเสิร์ต โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนหนุ่มสาว จัตุรัส Piazza Maggiore ซึ่งเป็นจัตุรัสสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นสถานที่จัด Bé – Bologna Estate เทศกาลทางวัฒนธรรมที่ประกอบด้วยกิจกรรมย่อย ๆ กว่า 1,300 กิจกรรม โดย 300 กิจกรรมเป็นงานที่เกี่ยวข้องกันดนตรี และในปีล่าสุดมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กว่า 5 แสนคน
จะเห็นว่าปัจจัยที่ทำให้โบโลญญาเป็นหนึ่งใน Cities of Music เกิดทั้งจากความเป็นมาของเมืองที่มีรากฐานทางศิลปะอย่างแข็งแกร่ง การให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยภาครัฐ การจัดสรรพื้นที่เพื่อการผลิตและบริโภคงานศิลปะทั่วเมือง และ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือของภาคประชาชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับดนตรี การสร้างบรรยากาศของศิลปะ และ ดนตรี ให้ปกคลุมทั่วทั้งเมืองย่อมจะทำให้ผู้คนที่อยู่อาศัยในเมืองนี้มีใจรักในศิลปวัฒนธรรมสืบต่อกันไปจากรุ่นสู่รุ่น จนเป็นอัตลักษณ์ของเมืองไปในที่สุด
ลองมาหันดูเมืองที่คุณกำลังนั่งอ่านบทความชิ้นนี้ดู แล้วลองนึกดูสิว่าจะทำให้มันเป็น ‘เมืองแห่งเสียงดนตรี’ ได้อย่างไร? ถึงมันอาจจะยาก แต่เราเชื่อว่ามันก็อาจจะเป็นจริงได้ในสักวันเหมือนกันนะ…
ที่มา
10 Things to know about BOLOGNA UNESCO City of Music
Cities of Music Network
Bologna Creative Cities Network
Bologna City of Music