ดังแล้วไปไหน? 7 ลำดับขั้นของความดังที่ดารา ศิลปิน หรือเซเล็บต้องเผชิญ
- Story and illustration by Sy Chonato
มีคนกล่าวว่าชื่อเสียงนี้เองที่เป็นยาเสพติดชนิดรุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยรู้จัก
หลาย ๆ คนอาจจะใฝ่ฝันอยากดัง มีตัวตน อยากให้มีคนหลงใหล ถูกจ้องมองและชื่นชม เป็นคนดังทำอะไรก็สะดวก ขยับตัวก็มีคนสนใจ ชีวิตคงจะสะดวกสบาย สร้างมูลค่าหาเงินได้ง่ายดาย
โดยงานวิจัยโดย Rockwells and Giles แสดงผลศึกษาจากการสัมภาษณ์คุยกับคนดัง 15 คนหลากสาขาอาชีพ ทั้งนักแสดงหนัง นักแสดงโทรทัศน์ อดีตนักแสดงเด็กที่เคยดัง CEO นักการเมือง นักข่าว นักกีฬา NBA เก็บข้อมูลว่าประสบการณ์ของความดังเป็นอย่างไร เพราะรสชาตินี้ไม่ใช่ทุกคนจะได้สัมผัส
ไม่ว่าจะต่างอาชีพ เหล่าเซเล็บคนดังทุกคนกลับมีเรื่องราวที่ประสบเมื่อดังคล้ายคลึงกันจนนำมาจัดลำดับหมวดหมู่ 7 ขั้น
ขั้นที่ 1 Elation ยินดีในความดัง
“สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ทุกคนรอบตัว อยู่ดี ๆ ตัวเราก็มีมูลค่า เหมือนมีความสำคัญขึ้นมา” – คำบอกเล่าจากคนดังจากงานวิจัยนี้
ขั้นแรกคือ รู้สึกดีใจ ยินดีเมื่อได้รับสถานะสูงจากการเป็นที่สนใจและเป็นที่รักของคนหมู่มาก ตามมาด้วย ของฟรีและสมนาคุณมากมาย ตลกดีที่เมื่อถึงจุดที่เริ่มดัง เมื่อถึงจุดที่สามารถซื้ออะไรก็ได้คนกลับโยนของฟรีใส่ให้คนดัง การมีชื่ออยู่ในการปาร์ตี้ก็ทำให้ปาร์ตี้นั้นมีคุณค่าน่าสนใจมากขึ้นทันที เพราะตัวตนของเขามีมูลค่าขึ้นมา
ในขั้นนี้ ความรู้สึกที่ได้คือความรู้สึกที่กึ่งรู้สึกดี กึ่งรู้สึกผิด (guilty pleasure) รู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ ได้รับความสนใจทั้งที่เราก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่น
ขั้นที่ 2 Overwhelmed ต้านทานไม่ไหว ทำตัวไม่ถูก
คนที่เพิ่งดัง เซเล็บหน้าใหม่ มักทำตัวไม่ถูกกับความดังที่โผล่ขึ้นมาไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
สิ่งนี้นี้ควรได้รับการสอนในโรงเรียนสร้างดาราและศิลปิน เป็น Fame 101 อนึ่ง พวกเขาจะได้รับความสนใจล้นหลามมาจากทุกช่องทาง อีเมล จดหมาย ถูกขอร้องให้ไปทำนู่นนี่ การมีตัวตนของเขาเกิดมีคุณค่าและความหมาย ทุกคนวิ่งเข้าหา มีคนทักทายบนท้องถนน มีคนกรี๊ดชื่อเขาตามที่ต่าง ๆ คนเพิ่งดังมักไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร
สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนพายุทอร์นาโดที่อาจพัดพาพวกเขาไปได้เลยหากไม่มีจิตใจที่แข็งแรงพอ
ขั้นที่ 3 Resentment เมื่อความดังกลายเป็นกรงขัง
“ความรู้สึกเหมือนเป็นสัตว์อยู่ในกรง” ซุปเปอร์สตาร์คนหนึ่งสารภาพ
“หากคุณนั่งดูกีฬาอยู่ในสนาม อยู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าอยากคุยกับคุณ โมโหจนอยากจะผลักเขาออกไป” ความทุกข์จากการเป็นคนดังคือประชาชนทุกคนรู้จักเขา และทุกการเคลื่อนไหวมีคนจับตา
เมื่อความดังทำให้สิ้นอิสรภาพ เรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องวิเคราะห์และวิจารณ์ แสดงความเห็น ลงรูปก็มีคนแคปมา ไม่สามารถเดินตามที่สาธารณะได้อย่างเสรีโดยไม่ถูกใครสักคนขอถ่ายรูป บางคนอาจจะยอมสละความเป็นส่วนตัวนี้กับความดัง ในขณะที่บางคนที่รักความเป็นส่วนตัวอาจจะทรมานมากกับการถูกคุกคามจากความรักความชื่นชมจากคนแปลกหน้า
ขั้นที่ 4 Addiction เสพติดชื่อเสียงและความโด่งดัง
ความดังแม้พาความลำบากมาให้ชีวิตมากมาย แต่ก็พาเงินทองและความสะดวกสบายมาด้วย การปรากฏตัวในที่ต่าง ๆ ของเขามีความหมายและได้เงิน คนดังปรากฏบนโฆษณาหรือเป็นหน้าตาให้แบรนด์ต่าง ๆ อาจพบเห็นหน้าเขาตามที่ต่าง ๆ ยิ่งเป็นการสุมไฟความดังเข้าไปอีก
เมื่อเริ่มเข้าสู่ภาวะความดังจนเริ่มชิน คนดังจะเริ่มเสพติดชื่อเสียง กลัวว่าตัวเองจะถูกลืมเลือนหายไป ดาราบางคนก็แสวงหาชื่อเสียงที่สูงกว่าไปเรื่อย ๆ ยอมทำทุกสิ่งให้มีชื่ออยู่ในข่าวไม่ให้กระแสของเขาตกไป
ความยากคือชื่อเสียงนั้นขึ้นอยู่กับมวลชนคนอื่นที่ควบคุมไม่ได้ ก่อให้เกิดทุกข์
ขั้นที่ 5 Splitting แยกตัวตนออกเป็นสอง
เมื่อคนดังพบว่าความดังของเขาไม่ได้เกี่ยวกับนิสัยใจคอจริง ๆ ของเขาเลย พวกเขาพบว่าคนเป็นล้านชอบเขาเพราะสิ่งที่เขาทำ พวกเขาไม่แคร์นิสัยใจคอและตัวตนจริง ๆ ของเขาเลย
“ฉันรู้สึกเหมือนเป็นของเล่นในตู้กระจกเท่านั้น” คนดังคนหนึ่งในการศึกษาสารภาพ
บางคนแยกบุคลิกภาพตอนออกงาน ออกสื่อ กับบุคลิกภาพที่แสดงกับเพื่อนและครอบครัว เพื่อที่จะเป็นตัวของตัวเองเต็มที่นอกเวลาออกสื่อ เขาเริ่มแยกไม่ออกว่าอันไหนคือนิสัยที่ประดิษฐ์ และอันไหนคือนิสัยจริง ๆ ของเขา
ขั้นที่ 6 Loneliness and Depression โดดเดี่ยวและซึมเศร้า
สิ่งที่คนดังบางคนพบคือ เพื่อนผองที่เคยมีเริ่มหายไป เพื่อนรู้สึกว่าตัวเองไม่พิเศษเหมือนคนดัง รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกแตกต่างกับคนดัง กลายเป็นเพื่อนฝูงที่เคยมีสบายใจกว่าที่จะไม่คบค้าสมาคมกับคนดัง เพราะทำตัวไม่ถูก ผลที่ตามมาคือคนดังจะเจอกับความโดดเดี่ยวและความเหงา แม้เวลาไปออกสื่อออกงานจะมีคนสนใจมากมาย แต่หลังม่านข้างกายแทบไม่มีใคร
ประสบการณ์เหล่านี้อาจพาให้คนดังกลายเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ลับ ๆ เขาอาจจะทำงานได้ดีเท่าเดิม ยิ้มแย้มต่อหน้ากล้อง ตลกมีอารมณ์ขันเมื่อสัมภาษณ์ แต่เมื่ออยู่กลับตัวเองกลับว่างเปล่า
คนดังในขั้นนี้ หวาดระแวง เริ่มรู้สึกว่าทุกความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องหลอก เพื่อนก็หายไปหมดเพราะหวั่นใจที่จะเป็นเพื่อนกับคนดัง
คนบางคนไม่ยอมรับทุกข์ของคนดัง เพราะคิดว่าพวกเขาโชคดีจะตายมีคนรู้จักชื่นชูมากมาย ไม่สมควรจะรู้สึกเศร้าหมอง ทั้งที่ดาราก็คือมนุษย์คนหนึ่ง
ขั้นที่ 7 Wishing for Something Else แสวงหาสิ่งอื่น
ดาราเริ่มสงสัยในตัวเองว่าทำไมเขาจึงเป็นที่ต้องการในตลาด บางคนกลัวว่าลูกของตัวเองจะคิดว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่นเพียงเพราะเป็นดารา ทั้งที่เขาก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่อยากให้ลูกปะปนชื่อเสียงกับคุณค่าและความสำคัญของมนุษย์คนอื่นที่ไม่ดัง
ดาราบางคนจึงเริ่มพยายามทำงานการกุศล แสวงคุณค่าใหม่ ทำเพื่อสังคม เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ากับโลกสมกับชื่อเสียงที่ได้รับ อยากให้คนรักเขาเพราะเขามีจิตใจที่ดี มากกว่าเพราะสถานะ หน้าตา หริอความดัง อยากให้คนยอมรับเขาจากภายใน
ได้แต่พึงพิจารณาสงสัยว่าคนดังที่เราชอบอยู่ในขั้นไหนแล้ว
ความดังเป็นเรื่องลึกลับ
เราไม่รู้ว่าทำไมบางคนถึงดัง และมีบางคนก็มาก่อนกาลเกินไป ต้องรอให้เสียชีวิตไปถึงจะมีคนเข้าใจศิลปะที่เขาสร้าง เช่น Vincent Van Gogh ที่ทำงานศิลปะที่ไม่มีใครเข้าใจ ใช้ชีวิตด้วยความลำบากด้วยเงินของน้องชาย Theo และเสียชีวิตก่อนวัยไปอย่างเศร้าหมอง ศิลปินที่ตอนเขามีชีวิตอยู่ไม่ดังอีกคนคือ Nick Drake ศิลปินโฟล์กที่ทำเพลงออกมาได้เศร้าเหงาหม่นแบบที่เปิดทีไร เหมือนมีใบไม้ร่วงอยู่รอบตัว
“Fame is but a fruit tree
So very unsound
It can never flourish
‘til its stock is in the ground”
Nick Drake ได้ฝากเพลง Fruit Tree เอาไว้ อาจแปลเนื้อเพลงได้ว่า ชื่อเสียงเป็นเหมือนต้นไม้หนึ่ง มันไม่ค่อยเติบโตเท่าไหร่ เขาได้บันทึกความขื่นขมของการที่ศิลปะของเขาไม่ถูกยอมรับในช่วงชีวิตของเขาผ่านเพลง เชื่อว่าบางอย่างต้องใช้เวลากว่าจะไปถึงผู้ฟังเหมือนผลไม้ที่ต้องใช้เวลาเติบโต เขาคงต้องตายเสียก่อนที่ศิลปะของเขาจะเริ่มมีชีวิต ฟังดูแสนเศร้า แต่กลายเป็นเรื่องจริง เพราะเขากลายเป็นแรงบันดาลของศิลปินมากมาย เช่น The Cure และ R.E.M.
Nick Drake ประสบความดังหลังจากที่ตายไป เขาตายไปทั้งที่ไม่มีภาพเคลื่อนไหวบันทึกไว้ด้วยอายุเพียง 26 ปี ในปี 1974 มีเพียงภาพถ่ายสมัยหนุ่มเล็กน้อยให้ดูชม
ความไม่ดังทำให้ศิลปินมีชีวิตที่ลำบากและขัดสน บางคนอาจจะต้องใช้เวลากว่าจะเจอคนที่ชอบผลงานและศิลปะของเรา อย่างน้อยก็ได้สร้างในสิ่งที่เราต้องการฝากเก็บไว้ในโลกนี้ก่อนเลือนหายตายไป
อยากดังไม่ใช่เรื่องผิด
หลายคนที่เคยติดตามศิลปินหรือสิ่งต่าง ๆ ที่เคยไม่ดังมาก วันหนึ่งดังขึ้นมาอาจไม่ชอบ และเลิกติดตาม ไม่อยากแบ่งปันความชอบให้กับคนอื่น อย่าลืมว่าเพราะศิลปินดังจึงจะมีรายได้ เลี้ยงตัวได้
หากอยากประกอบอาชีพเป็นศิลปิน ศิลปินและผู้สร้างงานศิลปะต่าง ๆ จำเป็นต้องดังในระดับหนึ่ง ถึงจะอยู่รอดทางธุรกิจ หรืออย่างน้อยต้องหาทางที่จะไม่ขาดทุนเข้าเนื้อมากเกินไป อย่าโกรธเลยที่คนที่เรารักก็มีคนอีกมากรักเหมือนกัน เพราะเมื่อเขาเป็นที่ต้องการ เราอาจได้ดูโชว์ของเขาบ่อยขึ้น เพราะมีคนอื่นอยากดูเหมือนกัน และอาชีพศิลปินหรือดาราที่เขารัก อาจเป็นอาชีพที่หารายได้ได้จริง ๆ ไม่ใช่เพียงงานอดิเรกที่เต็มไปด้วยความรักแต่ไม่สร้างรายได้ ดาราศิลปินจำนวนมากต้องต่อสู้และฝึกฝนยาวนานหลายชั่วโมง เพื่อให้เก่งและดีได้อย่างที่เราได้เห็นกัน
การทำงานที่ ฟังใจ ทำให้เราอยู่ใน filter bubble หลาย ๆ สิ่งที่เราก็ว่าฮิตแล้ว เมื่อไปคุยกับเพื่อนนอกที่ทำงาน เขากลับเงียบกริบ ส่งสายตาว่างเปล่าใส่ เขาผิดหรือที่ไม่รู้จัก ไม่เลยสักนิด พอโตขึ้น คนเราก็มีเวลาหาเพลงฟัง หรือรู้จักดาราศิลปินใหม่ ๆ น้อยลงไปเอง บางคนก็ยังตามข่าวดาราต่อไปตลอดชีวิตเพื่อให้มีเรื่องคุยที่ตรงกันกับเพื่อน สร้างประเด็นเรื่องเดียวกันให้คุยได้
ดังของเธอ ดังของเขา ดังของเราไม่เท่ากัน
ด้วยอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ข้อมูลเข้าถึงทุกคน สามารถมี celebrity เกิดขึ้นมากมาย กระจายความดังไปสู่คนอื่น ๆ ไม่ได้จำเป็นต้องมาจากค่ายใหญ่ หรือผู้ครองส่วนแบ่งตลาดเสมอไป ทุกครั้งที่มีคนดัง คนฮิตคนใหม่เกิดขึ้น พวกเขาโผล่มาจากไหนไม่รู้ มีเพลงที่ยอดวิวร้อยล้านแต่เราไม่รู้จัก ส่วนไอ้ที่เราว่าดังแล้ว เพื่อนมหาลัยอาจทำหน้าแบลงค์ใส่
ความดังเป็นเรื่อง subjective ขึ้นกับว่ารู้อะไรมา อ่านอะไรมาก รับสื่ออะไรมา สถาปนิกหรือนักออกแบบที่ดังซู่ซ่าในวงการของเรา ไอดอลที่ทำให้เราใจเต้นเมื่อพบ อาจจะเป็นคนปกติในสายตาของเพื่อนต่างอาชีพ ต่างกลุ่ม นักเขียนที่เรารักอาจจะเป็นคนธรรมดาไม่มีใครทักตามรถใต้ดิน
เราอาจไม่ได้มีตอนเช้าที่ตื่นมาฟังข่าวสรยุทธ์ก่อนไปโรงเรียนอีกต่อไป หรือดูทีวี ฟังวิทยุช่องเดียวกันทั้งประเทศอีกแล้ว ตลาดและความสนใจได้แตกกระจายไปเป็นหลาย ๆ ส่วน ปรากฏการณ์คนดังที่ทุกคนรู้จักอาจเกิดขึ้นได้ยากขึ้นทุกทีในโลกที่ทุกคนมีสิ่งที่สนใจต่างกัน และได้รับสื่อต่างกัน
ข้อมูลเหล่านี้นำมาแชร์เพื่อให้เห็นว่าการเป็นคนดังมันก็มีข้อเสียและยากลำบากอยู่เหมือนกัน น่าเห็นใจดาราและศิลปินใหม่ ๆ ทุกคนที่ทำตัวไม่ถูกกับแฟน ๆ นี่อาจเป็นทุกขลาภที่คนอยากดังไม่ได้ตระหนักว่าจะเกิด มวลชนหันความสนใจไปยังทุกซอกมุมของชีวิตจนถึงเรื่องบนเตียงอย่างน่ากลัว
ความอยากดัง อยากเป็นที่รู้จักไม่เห็นจะผิดตรงไหน เพราะสิ่งที่ดังย่อมเกิดมูลค่า ขายได้และทำให้อยู่รอดได้ทางธุรกิจ นำมาซึ่งสิทธิประโยชน์มากมาย ยกเว้นว่าจะมีบ่อทิพย์ทางอื่นที่ทำให้อยู่รอดได้โดยไม่ต้องขายผลงานหรือการแสดงได้ (เช่นมีรัฐบาลสนับสนุน มีสิ่งลึกลับอุปถัมป์ มีทุนจากที่บ้านไม่จำกัด ประกอบอาชีพที่มีรายได้ดีอยู่แล้ว)
ศิลปินที่เรารักต้องพึ่งความดังในการเป็นที่รู้จัก สร้างความต้องการตลาด และมูลค่า ทำให้เขาอยู่รอดและทำสิ่งที่เขารักต่อไปโดยไม่อดตายหรือเลิกล้มแยกย้ายไปเสียก่อน
Reference
Popular: The Power of Likability in a Status-Obsessed World
Being a Celebrity: A Phenomenology of Fame