กรุ่นกลิ่นดนตรีโฟล์กกลางสายฝน ที่งาน Folk Jamm #พาเพื่อนมาฟังโฟล์กนอกบ้าน
- Story and photos by Piyakul Phusri
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านแจ่มเจริญย์ วินเทจ เชียงใหม่ แหล่งรวมตัวศิลปินโฟล์คที่ยืนหยัดคู่วงการดนตรีนอกกระแสในเชียงใหม่มากว่า 8 ปี ได้จัดคอนเสิร์ต Folk Jamm #พาเพื่อนมาฟังโฟล์คนอกบ้าน ขึ้นที่ เฮือนไม้ซาง บูติค ฮัท โดยเป็นการรวมตัวเอาศิลปินโฟล์คจากทั่วประเทศกว่า 23 วง มาเล่นดนตรีในสวนตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งไปจนถึงเที่ยงคืน!
เมื่อถึงวันจัดงาน ฝนก็ตกลงมาทั้งวัน ทำให้เราไม่สามารถไปดูโชว์แรก ๆ ของงานที่เป็นการแสดงของ บันทึกของปิติ สุภาพร สันติ & ล่องลอง Asgard Sayan วงศ์สว่าง และ เบากบาล ได้ทัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจออกจากห้องพักตอนสี่โมงกว่า เพราะจะหวังให้ฝนหยุดตกในวันนี้ก็ดูเป็นความหวังที่ลม ๆ แล้ง ๆ เกินไป จนไปถึงที่จัดงานตอนราว ๆ ห้าโมงเย็น เห็นทีมงานกำลังชุลมุนกับการยกย้ายอุปกรณ์เครื่องเสียงให้หันหน้าเข้าไปหาตัวบ้านโดยที่มีผู้ชมราว 30 ชีวิต นั่งรอฟังเพลงอยู่ใต้ถุนบ้าน เราเดินไปคุยกับ ชีวิน โกมารทัต หรือ ชีวิน คณะขวัญใจ ว่าแย่เลยที่วันนี้ฝนตก ชีวินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใสไร้ปัญหาว่า ‘แบบนี้แหละพี่ ได้บรรยากาศดี’ เป็นคำตอบที่เหมาะสมกับโฟล์คแมนสายธรรมชาติของจริง
วงแรกที่เราได้ฟังคือ Natural Walkway ที่มาพร้อมเพลงโฟล์คความหมายดี ๆ อย่าง นักเดินทางทุ่งดอกไม้ ให้เรายังอยู่ และ Natural Walkway เป็นบทเพลงที่ว่าด้วยการเดินทางของอิสระชนที่มีภาษาสวยงาม และปลุกเร้าจิตวิญญาณเสรีชนได้อย่างมีพลัง ต่อเนื่องด้วยการแสดงของ Poncho ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ กับเพลงเหงา ๆ อย่าง คืนที่ไม่มีเรา ความหวังของดวงจันทร์ และ ก่อนเคย ซึ่งเป็นเพลงที่เขียนโดย ชีวิน คณะขวัญใจ และก็ได้ตัวคนแต่งเพลงขึ้นไปร้องแจมด้วย ทำให้บรรยากาศในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดูเหงาลงไปอีกตามเสียงกีตาร์ และเสียงร้องเหงา ๆ ของนักร้องหนุ่มผมยาว
เปลี่ยนจากความเหงามาเป็นโทนที่สดใสขึ้นจากวง ฉัน วงโฟล์ค 3 ชิ้น จากหัวหิน ที่มาพร้อมโทนดนตรีจากชายทะเลที่มีความปลอดโปร่ง และเสียงของ ไข่มุก นักร้องนำสาวที่น้ำเสียงใสกิ๊งดีมาก ๆ โดยเฉพาะในเพลง ขอแค่นี้ ที่ทำให้หลายคนโยกไปตามจังหวะกีตาร์ และเจมเบ้ ต่อด้วยวง คณะตองแปด ศิลปินเบอร์แรกของค่ายบ้านระเบียงดาว ที่มาพร้อมเพลงอารมณ์ดีที่ให้ข้อคิดกับชีวิตอย่างเพลง หัวเราะเศร้า ที่มาบอกกับทุกคนว่าจะความสุข หรือ ความทุกข์ เสียงหัวเราะ หรือ ร้องไห้ ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราไปตลอด เพราะความไม่แน่นอนนี่แหละคือชีวิตที่แท้จริง
สายฝนที่ตกลงมาทั้งวันเริ่มซาเป็นละอองฝนบางเบาในอากาศ ก่อนจะหยุดตกเหลือไว้เพียงอากาศชื้น ๆ เต้นท์สำหรับนักดนตรีถูกยกออกไป และก็ถึงเวลาของ มนัสวีร์ ที่ขนมาทั้งกลองไฟฟ้า คอฮอง กีตาร์อีกตัว และไวโอลิน ที่ส่งเพลง ฉันเป็นใคร บทเพลงเทา ๆ ที่บรรจุความรู้สึกอ้างว้าง และคำถามที่มีต่อความสัมพันธ์อันอึมครึมไว้อย่างหนักอึ้ง ก่อนจะเพิ่มความคึกคักในช่วงเย็น ๆ กับเพลง คนพเนจร เพลงของคนไกลบ้านที่ออกเดินทางไปค้นหาบางสิ่งบางอย่างในชีวิต หลังมนัสวีร์เล่นจบ ทางผู้จัดพักการแสดงเพื่อขนย้ายอุปกรณ์ต่าง ๆ มาตั้งไว้ในตำแหน่งเดิมที่เซ็ทกันไว้ในตอนแรกหลังจากต้องย้ายของเพื่อหนีฝน หลังจากทั้งนักดนตรี และผู้ชมเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ก็ถึงคิวของ ธาดา ที่ได้ เตชินทร์ มาช่วยเล่นคีย์บอร์ด กับเพลงอุ่น ๆ ที่เหมาะกับอากาศที่เริ่มเย็นลงของช่วงหัวค่ำอย่างเพลง ผ้าห่ม และเพลงชื่อยาวมาก ๆ อย่าง ปลายฝนต้นหนาวที่เพอร์เฟคพอจะตกหลุมรักใครซักคน และ รอแบบ 300% ในระยะทาง 300 กว่าไมล์ ที่ทั้งเนื้อหา และเสียงกีตาร์ละมุนละไมเป็นที่สุด
อบอุ่นต่อเนื่องกับบทเพลงเนื้อหาอ่อนโยนของ เรืองฤทธิ์ บุญรอด เจ้าของฉายา ‘แสตมป์ดอย’ ด้วยหน้าตาที่เหมือน แสตมป์-อภิวัฒน์ อย่างกับเป็นพี่น้องกัน ยังคงได้ เตชินทร์ มาร่วมแจมคีย์บอร์ดในบทเพลงน่ารัก ๆ อย่าง จดหมายถึงอ่างแก้ว เวทีดาว และ ขอโทษทีที่ต้องให้รอนานนะครับ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของพนักงานร้านสะดวกซื้อ วงต่อไป วรินทร์ ร่วมแจมกีตาร์โดย เลย์ Itsya และไวโอลินจาก มนัสวีร์ ยังคงมาพร้อมกับความสดใสในเพลงรักที่มีคนฟังผ่าน YouTube ไปแล้วกว่า 2.4 ล้านครั้ง อย่างเพลง ดอกไม้ในใจฉัน และเพลง ถอด ที่ฟังแล้วอยากจะถอดเสื้อลงไปนอนบนสนามหญ้าจริง ๆ (แต่ถ้าทำคงป่วยแน่นอน สนามหญ้าชื้นซะขนาดนั้น)
มัวแต่ฟังเพลงเพลิน พอมองไปรอบตัวอีกที สนามหญ้าหน้าบ้านก็เต็มไปด้วยคอเพลงโฟล์คที่ส่วนใหญ่ยังเป็นวัยรุ่นจับจองที่นั่งกันเต็มผืนเสื่อ และตามขอบสนามหญ้า ยิ่งค่ำบรรยากาศยิ่งอบอุ่น หลังจากฟังเพลงหวาน ๆ อบอุ่นกันมาราวชั่วโมงกว่า ก็เป็นการแสดงของรุ่นใหญ่อย่าง White Cigarette ซึ่งเป็นโปรเจ็คท์ของ บอล – อัศนัย ไชยรักษา ที่คอเพลงโฟล์คเชียงใหม่รู้จักกันดี กับเพลง ได้ไหม ที่พาผู้ฟังดิ่งลึกไปกับเนื้อหาเศร้า ๆ และซาวด์กีตาร์บาดลึก ต่อด้วยการแสดงของอีกหนึ่งรุ่นใหญ่ในวงการอย่าง Uncle Tree หรือ นที ศรีดอกไม้ แห่ง Selina and Sirinya ดูโอ้โฟล์คที่ต่อให้คนไม่ฟังโฟล์คแต่ฟังเพลงอย่างไรก็ต้องรู้จัก ถึงวันนี้พี่นทีมาคนเดียวแต่ก็ขนเพลงฮิตอย่าง เสียงเพลงจากป่า Our Still Together และ อยู่ตรงนี้แต่แสนไกล มากล่อมคนฟังให้อยู่ในภวังค์ ยิ่งได้กีตาร์ของ Poncho กับแบนโจของ เลย์ Itsya มาร่วมสร้างบรรยากาศ เพลง Still Together ถึงกับทำให้เรายืนฟังไปน้ำตาซึมไปแบบห้ามไม่ได้
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของงาน ดีกรีของทั้งศิลปิน และคนฟังกำลังได้ที่ในจุดที่มีความสุข และเป็นหน้าที่ของ ดวงดาวเดียวดาย ที่มาพร้อมกับบทเพลงแห่งความโหยหาที่กรุ่นกลิ่นภาษาเหนืออย่าง จะใด และ บทเพลงสุดท้าย ที่ได้ เอก แซ็กป่า มือแซ็กโซโฟนของวง KLEE BHO โผล่จากพุ่มไม้มาแจมแบบสุดเซอร์ไพรส์ เข้าห้าทุ่ม ถึงคิวของ ไววิทย์ ที่เล่นคู่กับ ชีวิน คณะขวัญใจ ที่ขนเพลงฮิตของทั้งคู่อย่าง จันทร์ลำเอียง รอไม่มีกำหนดการ คุณคือดวงจันทร์ ฉันสิคนบ้า มาเติมเต็มความอบอุ่นให้คนมีความรัก และบาดลึกหัวใจคนที่ยังตามหาความรัก ต่อด้วยโชว์สั้น ๆ ของ คมน์ คำแพง วงศ์สว่าง และ บรรเทาสุข ที่ใช้กีตาร์ต่อจากคู่ ไววิทย์-ชีวิน
ปิดท้ายค่ำคืนอย่างสวยงามด้วยแขกรับเชิญพิเศษ เขียนไขและวานิช กับบทเพลงเนื้อหางดงามราวบทกวีอย่าง หนีห่าง แต่วันวานไม่หยุดรอ และ แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร ที่ตรึงแฟนเพลงโฟล์คราว 200 ชีวิตในคืนนั้นให้อยู่ใต้มนต์สะกดของกีตาร์ทั้งสามตัว และเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ของ โจ้ – สาโรจน์ ยอดยิ่ง เป็นการส่งทุกคนกลับบ้านอย่างชุ่มชื่นหัวใจ
จนกว่าจะพบกันในงาน Folk Jamm ปีต่อไป…
FOLK9 ปล่อยเอ็มวีใหม่ เอาใจช่วยชาวแอบรักใครอยู่ข้างเดียว
FOLKULTURE ให้คุณได้ละเลียดกับวิถีพื้นบ้าน คุณค่าทางจิตวิญญาณโฟล์ก
ภาพพิมพ์ บทกวี และดนตรีโฟล์กซองของ เขียนไข และ วานิช