พลิกโฉมประสบการณ์การไปคอนเสิร์ต! กับเทศกาลดนตรีในเกม Minecraft
- Writer: Peerapong Kaewthae
มีใครบ้างไม่ชอบบรรยากาศของคอนเสิร์ต การได้ออกไปยืนดูวงที่เราชอบพร้อมเบียร์เย็น ๆ ในมือ ได้กระโดดไปกับจังหวะดนตรีที่เราฟังมาทั้งอาทิตย์ โห นี่แหละความสุขของชีวิต แต่ช่วงนี้งานคอนเสิร์ตวงที่เรารักมากันถี่ซะเหลือเกิน ผลิตเงินไม่ทันจริง ๆ ให้ตายเถอะ แต่จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถเข้าไปดูคอนเสิร์ตได้ด้วยหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านเราแบบฟรี ๆ สิ่งที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่การดูสตีมมิ่งคอนเสิร์ตธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่เราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลดนตรีครั้งนี้เลยเพียงแค่ล็อกอินเข้าไปในเกมอย่าง Minecraft
ไอเดียนี้เริ่มมาจากกระทาชายนาย Max Schramp ที่คิดว่าจัดปาร์ตี้วันเกิดในเกมมันง่ายเกินไป และเขาอยากทำอะไรที่มัน ‘ยิ่งใหญ่’ กว่านี้ดู พอเห็นว่าเพื่อน ๆ ของเขาเป็นทั้งศิลปินอิเล็กทรอนิกหรือดีเจกันอยู่แล้ว จึงรวมตัวกับเพื่อน ๆ เพื่อสร้างเทศกาลดนตรีขึ้นมาจริง ๆ ในนาม ‘Coalchella’ (เอามาล้อเลียนเทศกาล Coachella ในโลกจริง ๆ แต่ใช้คำว่า coal แทนเพราะเป็นชื่อวัตถุดิบชนิดนึงในเกม ) ด้วยบล็อกจำนวนมหาศาล พร้อมแบ่งหน้าที่ให้เพื่อน ๆ ไปชวนศิลปินอินดี้คนอื่น ๆ มาเพื่อสร้างไลน์อัพที่ดึงดูดใจคนได้จริง ๆ บางคนถึงกับเพิ่ง debut ครั้งแรกในงานนี้
ศิลปินหลายคนต้องเข้ามาเพื่อช่วยกันสร้างเวทีให้น่าตื่นตา และใส่ลูกเล่นที่พวกเขาชอบลงไปได้อย่างอิสระ โดยแบ่งเวทีออกเป็นสองเวทีคือ REDBLOCK กับ BEDBLOCK พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างเหมือนเฟสติวัลจริง ๆ ทั้งเบาะ IKEA ขวดวอดก้า (แม้งานจะมีของมึนเมาแต่ก็ไม่จำกัดอายุคนเข้างานเพราะมันดื่มไม่ได้จริง ๆ นี่แหละข้อดีของเทศกาลดนตรีจำลอง!) ไปจนถึงนั่งลานลอยฟ้าที่เห็นเวทีได้ทุกมุม แม้สถานที่จะราบรื่นมาก แต่ปัญหาไม่คาดฝันก็มาถึง การรองรับเพื่อน 450 คนด้วยเซิร์ฟเวอร์แบบบ้าน ๆ ที่เขาเคยใช้จัดปาร์ตี้วันเกิดกันก็หนักเกินพอแล้ว ยิ่งเขากะจำนวนผู้ชมที่ตื่นเต้นกับงานไปผิดถนัด ทำให้เขาต้องหาวิธีรับรองผู้ชมจำนวนพันคนที่จะทำให้เกมล่มได้ในเวลาไม่กี่วินาทีให้ได้ ยิ่งใกล้วันงานเท่าไหร่คนก็ทวิตถึงงานนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
แน่นอนว่างานล่าช้าไปพอสมควรเพราะเซิร์ฟเวอร์แล็กกระจาย จนต้องประกาศให้คนบางกลุ่มหยุดพยายามล็อกอินและไปดูบนสตีมมิ่ง Mixlr แทน แม้จะติดขัดไปบ้าง แต่เมื่อดีเจเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองทุกอย่างก็ลงตัว สมาชิกทุกคนกระโดดโลดเต้นไปมาหน้าเวที พร้อมโห่ร้องอย่างสนุกสนานผ่านห้องแชต แถมยัง put your hands up ได้อีกด้วยการได้เห็นตัวการ์ตูนเหลี่ยม ๆ โดดไปโดดมาพร้อมกับเสียงเบสตึ้บ ๆ ทำให้มันกลายเป็นบรรยากาศที่สุดมากราวกับกำลังได้รับประสบการณ์คอนเสิร์ตจริง ๆ
แถมดีเจหลายคนก็จริงจังกับงานนี้สุด ๆ เพราะหลายเพลงถูกมิกซ์มาเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งชวนผู้ชมหมอบแล้วโดดตามท่อนฮุกพร้อมกันหรือชวนคุยในช่องแชต ทั้งสองเวทีก็มีเอฟเฟกต์ไฟกับพลุที่จัดเต็ม และเคลื่อนไหวตามท่อนดรอปได้อารมณ์มาก บางครั้งดีเจก็กวนบาทาผู้เล่นด้วยการเปิดหลุมหนามหน้าเวทีให้คนตกลงไปกลับจุดเซฟเล่น
เมื่อค่ำคืนแห่งความมันจบไป Coalchella ก็มีผู้เข้าร่วมถึง 2,600 คน และมีคนกว่า 27,000 ที่ดูสตีมบน Mixlr ตามมาด้วยฟีดแบ็กที่ดีล้นหลาม บางคนพูดว่ามันไม่ใช่การเข้ามาเล่นเกม Minecraft แล้วมีเพลงเปิดไว้ไม่ให้เหงา แต่มันคือคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นจริง ๆ ที่ทุกคนเข้ามาสัมผัสด้วยกัน แม้จะมีเรื่องผิดพลาดทางเทคนิคบ้าง แต่ผู้จัดก็ยืนยันว่าปีนี้มีอีกรอบแน่นอน และจะวางแผนให้รอบคอบมากขึ้น ถ้าในอนาคตงานนี้สามารถเข้าถึงคนในวงกว้างได้ก็อาจจะสร้างทางเลือกในการไปดูคอนเสิร์ตอีกแบบไปเลยก็ได้ ระหว่างที่รอก็ลองไปไล่ฟังเพลงทั้งหมดในเทศกาลครั้งนี้ที่ถูกอัพโหลดไว้บน Soundcloud ดู ใครสนใจก็ลองไปฟังกันได้ >ที่นี่< จ้า
และเมื่อต้นเดือน ก็เพิ่งมีการจัดคอนเสิร์ตในเกมขึ้นมาโดยดีเจระดับโลกอย่าง Marshmello รันวงการผ่านเกม ‘Fortnite’ ที่ฮิตถล่มทลายในต่างประเทศ แม้จะโชว์ในเวลาสั้น ๆ เพียงสิบนาที แต่นักวิเคราะห์ก็ฟันธงเลยว่านี่คือปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในวงการเกม เพราะมันคือสิ่งที่เทคโนโลยี AR กับ VR อยากทำได้ การที่เชื่อมต่อโลกเสมือนจริงเข้าไปด้วยร่างจำลอง ในอีเวนต์ระดับโลกแต่ยังรู้สึกใกล้ชิดกับงานนี้เหมือนได้ไปจริง ๆ
แม้จะเล่นเพียงแค่สิบนาที แต่ด้วยจำนวนผู้ชมกว่า 10 ล้านคนที่เข้าไปในเกมเพื่อดูคอนเสิร์ตพร้อมกัน ทำให้มันกลายเป็นอีเวนต์ที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง เด็กคนหนึ่งก็เพิ่งมีประสบการณ์ไปคอนเสิร์ตครั้งแรกในเกมนี้เหมือนกัน แถมคอนเสิร์ตยังออกแบบมาจัดเต็มทั้งแสงสีเสียง ตัวศิลปินก็ดูมีชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์กับคนดูได้อย่างสมจริง คนดูก็สามารถเต้นตามหรือมีเอฟเฟกต์เหนือจริงบางอย่างที่ทำให้เรามีประสบการณ์ใกล้ชิดคำว่าคอนเสิร์ตมากขึ้นไปอีกได้อย่างเหลือเชื่อ อย่างเกมจะลดแรงโน้มถ่วงลงในท่อนดรอปเพื่อให้เรากระโดดสูง ๆ ก่อนกระแทกพื้นอย่างรุนแรงตอนเข้าท่อนฮุก หรือพอมีเนื้อท่อนคำว่า ‘fly’ ทุกคนก็บินขึ้นไปบนอากาศพร้อมกัน เป็นภาพที่สวยงามมาก
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกม ‘Fortnite’ ก็ไม่หยุดตัวเองแค่เกม battle royale ทั่วไป แต่พยายามเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ทั้งทำให้บรรยากาศในเกมทั้งหมดเหมือนรายการทีวี หรือสร้างกิจกรรมประหลาด ๆ ขึ้นมา เช่น ให้ผู้เล่นรวมทีมกันในเกม สร้างหอคอยที่ใหญ่และสูงที่สุดเพื่อหามุมที่ดีที่สุดชมการปล่อยจรวดทะลุมิติไปมา เหมือนคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่มันไม่ใช่เรามาเล่นเกมด้วยกัน แต่มันคือการสร้างช่วงเวลาดี ๆ และหาเพื่อนใหม่ไปพร้อมกัน
ในอนาคตเกมอาจจะไม่ใช่แค่อะไรเดิม ๆ แต่เป็นพื้นที่ที่ชวนเรามาเติมเต็มชีวิตประจำวันโดยประหยัดทั้งเวลาและไม่ต้องเจอกับการเดินทางอันยุ่งยาก แต่พฤติกรรมในการเสพสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ต้องดูกันต่อไป