เด็กเทป 2 สนุกสุดมันไปกับ 8 วงในตำนาน งานรวมรุ่นคนยุคอัลเทอร์เนทิฟ
- Story and photos by Montipa Virojpan
14 กรกฎาคม 2561
เป็นอีกเสาร์ที่มีอีเวนต์ชนกันโครมครามให้เลือกไปกันไม่ถูกเลย แต่ด้วยความที่งาน เด็กเทป 2 นี้มีศิลปินต้นตำรับยุคอัลเทอร์เนทิฟไทยหลายชีวิตมารวมตัวกัน เห็นทีว่าเราจะต้องไปหาพวกเขาเสียหน่อยเพราะการรวมตัวเฉพาะกิจแบบนี้คงไม่ได้มีบ่อย ๆ ก่อนที่จะปลีกตัวไปยังอีเวนต์ต่อไป /ใช่ค่ะ อิฉันเลือกไม่ได้ก็ไปมันทั้งสองงานเลย
หลังจากสู้รบปรบมือกับธุระปะปังทางบ้านเรียบร้อยแล้วทำให้เราไปถึงงานช่วงประมาณสี่โมงครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่ วงพราว กำลังเล่นอยู่พอดี ก่อนหน้านี้เป็นวง IMP ซึ่งเราก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย แต่พอมาอยู่ที่หน้างานแล้วเนี่ย กว่าที่เราจะรับบัตรและตุนเบียร์เสร็จ พราวก็เล่นไปทั้งหมดสองเพลงแล้ว เข้ามาทันอีกทีคืออินโทรของเพลง เหรียญสลึง กำลังเล่นอยู่ ตอนนั้นเราเครื่องติดแล้วและเริ่มปราดตามองดูสมาชิกที่ประจำตำแหน่งต่าง ๆ บนเวทีก็ต้องกรีดร้องเพราะนี่แทบจะเป็นไลน์อัพดั้งเดิมเกือบทั้งวงทั้งพี่เล็ก สุรชัย พี่พิซซ่า พี่เจ เจตมนต์ และได้พี่แม็กซ์ ภูมิจิต มาช่วยเล่นกลองให้ พอกระโดดโลดเต้นกับเพลงนี้และท่อนโซโล่มัน ๆ กันไปแล้วก็ต่อกันที่เพลงสุดคลาสสิก วันไร้สมอง ที่คนในฮอลพากันร้องแบบสุดเสียง จากที่สำรวจดูแล้ว เห็นโยกกันเบา ๆ นี่น่าจะเป็นรุ่นพี่เรากันหมดเลย ตามด้วยอีกเพลงช้าที่ทุกคนต้องรู้จักนั่นคือ เธอคือความฝัน ก่อนจะปิดท้ายกันไปแบบสนุก ๆ ที่เพลง เพราะ(ฉัน)มีเพียงเธอ ฮือ มาไม่ทันสองเพลงแรก เสียดายไม่รู้ว่าเล่นเพลง ละคร หรือเปล่า แต่อยากฟังมาก ๆ
จากนั้นก็เป็นคิวของวง Pause อีกวงที่เราได้ยินเพลงของพวกเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ดูวงนี้เล่นแบบสด ๆ แม้ว่าไลน์อัพจะไม่ใช่สมาชิกดั้งเดิมทั้งหมดก็ตาม ทว่าโชว์ของพวกเขาน่าประทับใจมากจริง ๆ ตั้งแต่การขึ้นอินโทรเพลง ที่ว่าง ก็ทำให้เราขนลุกมาก ๆ แล้ว ต่อด้วยเพลง ไม่มีแล้ว และเพลงซึ้ง ๆ อย่าง ข้อความ ที่ทุกคนช่วยกันร้องอย่างพร้อมเพรียง ตามด้วย กอดหมอน เพลงเหงาจังหวะสนุก ๆ ให้โยกกันได้ แล้วพี่มือกีตาร์อีกคนก็มาแร็ปสร้างสีสันให้โชว์คึกคักยิ่งขึ้น และไม่รอช้าต่อกันที่เพลง ยื้อ จุดนี้คนดูร้องกันอินมา ตัวโยกโยนกันเลย ความสนุกยังไม่หมดเท่านี้เมื่อพวกเขาบอกว่าจะเล่นเพลงที่วงอัดและเล่นเป็นเพลงแรก ๆ ตั้งแต่สมัยอยู่มหาลัย และเริ่มเล่านิทานเรื่องหนึ่ง เท่านี้ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นเพลงร็อกแอนด์โรลเท่ ๆ ชื่อ หมา (นิทานมหาหางกุด) แน่ ๆ ดีใจมากที่ได้ฟังเพลงนี้สด ๆ และปิดท้ายโชว์ไปด้วยเพลง ที่ว่าง… เราไม่สามารถบอกได้ว่าพอสในยุคนั้น กับพอสในปัจจุบันดีแตกต่างกันยังไง แต่เราสัมผัสได้ถึงความเต็มที่ของพี่ ๆ ทุกคน และการที่เฟ้นท์ นักร้องนำคนใหม่โดยหยิบยกคำพูดของ พี่โจ้ อดีตฟรอนต์แมนของวงมากล่าวนำก่อนที่จะเล่นเพลง ที่ว่าง และเว้นที่หน้าไมค์ไว้ เหมือนจะให้พี่โจ้มาร้องไปกับพวกเขา เป็นภาพที่ประทับใจทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน
แล้วก็ได้เวลาของอีกวงที่เราอยากดูมาก ๆ ในคอนเสิร์ตนี้คือ Siam Secret Service คอนเสิร์ตครั้งล่าสุดที่เราได้ดูพวกเขาเล่นก็น่าจะเป็นตอนงาน Banana Split 2 ที่มงคลสตูดิโอเมื่อปี 2014 มั้ง หลังจากไปกดเบียร์เพิ่มเราก็รีบวิ่งมาอยู่หน้าเวที พร้อมกับเพลง แค่นั้น เพลงจังหวะกรูฟ ๆ ชวนเต้นที่ขอตะโกนร้องไปคอแทบแตก จบเพลงนี้พี่ช้างก็บอกว่าพวกเขากำลังจะมีเพลงใหม่ในรอบ 20 ปีแล้ว น่าดีใจสุด ๆ ตามด้วยเพลงเท่ ๆ แบบ เรือ ที่มีแอบร้องคร่อมท่อนฮุคหลังไปนิดนึง ก่อนที่อินโทรเพลงรักในตำนานอย่าง แต่งงาน บรรเลงขึ้น คนดูก็ช่วยกันร้องแบบสุดเสียง และพวกเขาก็เล่นเพลงใหม่ที่ชื่อ สัญญา เพลงใส ๆ เหมือนย้อนวัยให้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ตอนนี้ก็เกิดการถามว่า ‘ไหนมีใครอายุไม่เกิน 30 บ้าง’ เราก็ยกมือและลองสำรวจไปรอบ ๆ พบว่าเป็นประชากรส่วนน้อยอยู่เหมือนกันที่มางานนี้ แล้วพี่ ๆ เขาก็ไม่รอช้าจัดเพลงฟังกี้ คืนนี้ ให้ได้เต้นกันต่อ และปิดท้ายไปด้วยเพลงแรกที่พวกเขาปล่อยออกมาในปี 1998 พร้อมกับการออกอัลบั้ม ซึ่งครบ 20 ปีพอดีในเดือนนี้ นั่นคือเพลง กลับมาที่เดิม เรียกอารมณ์ซึมกลับมาอีกครั้งแต่ก็ถือว่าเป็นการปิดโชว์ไปแบบที่แฟน SSS ฟินทุกคน
ใกล้เวลาที่เราจะต้องมูฟไปอีกงานแล้ว เลยจะได้ดูวงต่อไปนี้เป็นวงสุดท้าย แต่ระหว่างนั้นเราออกมาหาของกินที่บูธด้านนอก มีอาหารละลานตาตั้งแต่ยำ ไปจนถึงปิ้งย่าง หม่าล่า ของทอด และไอศกรีมแจกฟรีจาก Ben & Jerry’s (กรี๊ดดดดด รักสิ่งนี้ที่สุด อยากให้ไปแจกทุกงานเลย แถมเป็นรส Cherry Garcia รสโปรดของฉันด้วย) พอกินนั่นนี่จนอิ่มหนำแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาในฮอล ตอนนี้จำนวนผู้ชมดูหนาตากว่าช่วงแรกที่เรามาถึง เพราะเป็นเวลาที่วงตัวพีคในตำนานอย่าง Sepia ก็กำลังบรรเลงอย่างเมามัน จากโพสต์เฟซบุ๊กไม่กี่นาทีก่อนหน้าของรุ่นพี่ที่มาร่วมงานก็ทำให้รู้ว่าพลาดของดีไปประมาณสองเพลงคือเพลงใหม่ที่เขียนขึ้นมาชื่นชมความดีของรอง ผบ.ตร. คนเก่ง กับ Ballad of Dead แล้วจากนั้นพี่ ๆ เขาก็เล่นเพลงนึงที่เนื้อหาก็ดูจะไม่มีอะไรนะ แต่พี่โอ๋แกก็เฉลยว่าเพลงเนี้ยพูดถึง oral sex ซึ่งพี่เขาก็เล่นไปประกอบคำบรรยายและซาวด์เอฟเฟต์ไป ฟังไปฟังมาแล้วก็ใจคอบ่ดีขอหลบมายืนชิดกำแพงนิดนึง ก่อนที่จะเล่นเพลง มนต์เพลงคาราบาว ของคาราบาว ก็ให้พี่ปาเดย์ลงจากเวทีมาโดยบอกว่า น้อง ๆ ผู้หญิงสามารถจับหน้าอกพี่เขาได้ตามชอบ… ส่วนเพลงนี้ก็ทำเป็นเมดเล่วิพากษ์ประเด็นธรรมกาย จากนั้นก็เป็นอีกเพลงในตำนานอย่าง อกหักเพราะรักแป๋ว และเพลงชาติของคนสายเขียวที่ร้องขึ้นมาก็เป็นอันรู้กัน โดยพี่โอ๋ให้ผู้หญิงร้องว่า ปู๊น ปู๊น สลับกับผู้ชายที่จะต้องคอรัสว่า ‘ผมมีเนื้อ’ เรียกเสียงเฮฮาจากผู้ชมกันเกรียวกราว แล้วตามด้วยเพลง ไม่ต้องใส่ถุง ที่ทำให้ฮอลคอนเสิร์ตเริ่มเดือดขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นเพลง Dead God ที่เนื้อหาของเพลงนี้เป็นที่โจษจันมาแต่ในอดีต อยากรู้ว่าเกี่ยวกับอะไรต้องไปฟังเอง และเป็นเพลง ไข่หงส์ ที่เอาเข้าจริง ๆ ก็ต้องร้องว่า ‘ไอ่เอี้ย’ นั่นแหละครับ ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่วิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมือง ทั้งเสือดำ นาฬิกาประวิทย์ ครูบากับทีมฟุตบอลติดถ้ำ แล้วก็การตัดสินโทษประหาร ใครคิดเห็นอย่างไรอันนี้ไว้ว่ากันหลังไมค์เนอะ
น่าเสียดายที่เราไม่สามารถอยู่ดูวงหลังจากนี้ได้เพราะอย่างที่บอกว่ามีอีกงานที่รู้สึกว่าพลาดไม่ได้เหมือนกันที่จะไปเก็บบรรยากาศมาฝากผู้อ่านทุกท่านเลยต้องออกก่อนเวลา ซึ่งเอาจริงว่าวงต่อไปนี้เด็กอัลเทอร์เนทิฟไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง มีทั้ง Smile Buffalo, Blackhead, บิลลี่ โอแกน, ติ๊ก ชีโร่ และ เสือ ธนพล ที่หลังจากเราออกจากงานไปแล้ว รุ่นพี่ยังคงอัพเดตภาพและวิดิโอในงานอย่างต่อเนื่อง พบว่า ติ๊ก ชีโร่ มีเพลงใหม่ที่อาจโค่นล้มเพลง รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ได้ ส่วนแบล็กเฮดเล่นเพลงในตำนานเยอะมาก รวมทั้งเพลง เพียงกระซิบ ที่มีท่อนเด็ด ‘ไอ่เอ๊ดเอี้ย’ ด้วย และพี่ เสือ ธนพล ก็ร็อกแบบสุด ๆ ฮือ เอาเป็นว่าถ้าจัดอีกรอบหน้าจะไม่พลาดอีกแล้วค่ะ ก็ต้องขอบคุณพี่ ๆ ผู้จัดงานที่สามารถรวมตัววงดนตรีที่เป็นผู้บุกเบิกเพลงอัลเทอร์เนทิฟในไทยมาให้ได้ฟังกัน เราเองก็ถือว่าเป็นแฟนเพลงยุคหลังของหลายวงที่เพิ่งจะได้ฟังเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ก็ดีใจมากที่ได้มางานนี้และมีพี่ ๆ เล่นสด ๆ ให้ดูให้ฟังตรงหน้า ซึ่งก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าทำไมหลายต่อหลายวงถึงเป็นแรงบันดาลใจให้นักดนตรีรวมถึงนักฟังรุ่นหลังได้อย่างยาวนานจนถึงตอนนี้แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 20 ปีแล้วก็ตาม