ฝึกงานที่ฟังใจแล้วได้อะไร? ทำไมต้องฝึกที่นี่? เรื่องเล่าจากเด็กฝึกงาน Fungjaizine คนล่าสุด
- Writer: Nattapat Suthapornpat
ตามธรรมเนียมของเด็กฝึกงานกองบรรณาธิการ Fungjaizine หรือ ‘ทีม Community’ ใน ฟังใจ จะต้องเขียนสรุปเรื่องราวต่าง ๆ ตลอดการฝึกฝนว่าเราได้เรียนรู้การทำงานอะไรไปจากที่นี่บ้าง ก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่อยากมา ฝึกงานกับฟังใจ ในอนาคตไม่มากก็น้อย ในบทความนี้เราตอบคำถามที่เคยถามไว้ก่อนหน้านี้ด้วยนะ
ต้องเกริ่นก่อนว่าเราอยากมาฝึกงานที่นี่ตั้งนานแล้ว ปีที่แล้วก็สมัครไปช่วงซัมเมอร์นี่แหละ แต่ว่าไม่ผ่านแม้แต่รอบคัดเลือก หลังจากนั้นก็พยายามปรับ mindset ตัวเองใหม่ พยายามให้มากขึ้นกว่าเดิม เก็บพอร์ตมาเรื่อย ๆ จนเราได้มาสมัครใหม่ในปีนี้ แล้วก็ผ่านเข้ารอบคัดเลือกได้สำเร็จ ถ้าใครที่ผ่านรอบนี้ไปแล้ว พี่ ๆ ฟังใจก็จะให้การบ้านมาเพื่อทดสอบเรา ซึ่งเราบอกได้เลยว่ายากพอสมควร แต่พอฝึกงานจบแล้วมามองย้อนก็รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นจริง ๆ ถ้าให้เราในตอนนี้ไปทำการบ้านตอนนั้นก็คงทำได้ดีกว่าเดิมเยอะ แล้วหลังจากที่ส่งการบ้านไป เราก็ผ่านและได้เข้ามาสัมภาษณ์ที่นี่อีกที วันสัมภาษณ์เชื่อว่าเด็กฝึกงานทุกคนก็คงตื่นเต้นแหละ แต่ขอแนะนำว่าให้เป็นตัวของตัวเอง มีสติ และตั้งใจให้มาก ๆ แล้วก็เตรียมพร้อมโดนถามคำถามแปลก ๆ ได้เลย รับรองว่ามีคำถามที่คาดไม่ถึงแน่นอน จนสุดท้ายเราก็ได้เข้ามาฝึกตำแหน่ง Content Creator ในทีม Community จริง ๆ ตามที่หวังไว้
ฝึกงานกับฟังใจ ได้ทำอะไรบ้าง: เขียนงานทั้งหมด 59 ชิ้น (รวมบทความนี้ด้วย) ลงใน Fungjaizine และเพจฟังใจที่ปิดปรับปรุงไปช่วงนึงเพื่อเปลี่ยนโฉมใหม่ แล้วก็ลงในเพจ Slice อีก 6 ชิ้น ยาวบ้างสั้นบ้างสลับกันไป ได้แปลบทความ Cinema Sessions ทำ artwork แบบง่าย ๆ เอง ลงใน FJZ และ Slice (ดูดวิชาจากพี่ ๆ Visual Designers มา) สัมภาษณ์ศิลปิน คิด Engagement Post (#Ask, #Life และ #Lyrics) จัดเพลย์ลิสต์ปรัชญาดอกไม้ เป็นดีเจโพสต์เพลงลงเพจฟังใจทุกวันอาทิตย์ ยกถังน้ำมาเติมตู้น้ำ และอื่น ๆ อีกเพียบ เยอะจนนึกไม่ออก ฮ่า ๆ มาฝึกที่นี่ได้อะไรกลับไปแน่นอน
อ่านงานเขียนของเราทั้งหมดได้ ที่นี่
5 งานที่ชอบที่สุด
LEO x Crossplay 3 Festival ครอสกันมันกว่ากับ 15 วงเด็ดและเพลงโปรดที่เราคิดถึง
แม้จะได้เขียนระเห็ดเตร็ดเตร่มาหลายครั้ง แต่งานนี้เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจที่สุดเลย เพราะว่ามันเป็นงานของที่ฟังใจจัดเอง นอกจากนี้ยังได้แท็กทีมคู่กับพี่อิ๊ก บ.ก. แห่ง Fungjaizine จำได้ว่าวันงานนี่สลับกันไปดูวงจากทั้งสองเวทีไป ๆ มา ๆ เรียกได้ว่า cross กันยันนักเขียนเลยทีเดียว
ป้าย Parental Advisory คืออะไร ทำไมผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ?
มีช่วงนึงที่เขียนงานแล้วรู้สึกว่าไม่ตรงกับทาร์เก็ตผู้อ่านสักเท่าไหร่ เราก็เลยลองหาอะไรที่มันเป็นเรื่องพื้นฐานรอบ ๆ ตัว แต่ยังไม่เคยมีใครเล่าถึงเรื่องนั้นแบบจริงจัง ๆ จนสุดท้ายออกมาเป็นงานชิ้นนี้ที่ตอนค้นคว้าหาข้อมูลมาเขียนสนุกมาก ๆ
คุยกับ Zeal และ Tattoo Colour ก่อนไปรวมตัวกันมันในงาน Rockation
การได้สัมภาษณ์ศิลปินเป็นหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนทัศนคติของเราไปได้เยอะเลยทีเดียว ก่อนฝึกงานเราคิดว่ามันต้องเป็นงานที่ยากแน่ ๆ เลย เพราะว่าเราเปิดประเด็นคุยกับชาวบ้างไม่เก่ง แต่หลังจากที่ได้ลองทำมาเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกว่าเราเองก็ทำได้นี่หว่า มีความมั่นใจมากขึ้น การได้มาคุยกับศิลปินนี่มันก็สนุกดี แถมบางทียังได้แง่คิดกลับไปด้วย มีคนบอกไว้ว่า ‘ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้’ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ถ้าหากว่าเราไม่ได้รับโอกาสลองอะไรใหม่ ๆ ความคิดเราก็คงไม่เปลี่ยนไป
ส่วนงานสัมภาษณ์ Zeal กับ Tattoo Colour อันนี้ เราอาจจะไม่ได้ปลื้มในแง่ของคอนเทนต์มากนัก เพราะมันเป็นงานโปรโมตคอนเสิร์ต ทำให้เราไม่สามารถถามอะไรออกนอกขอบเขตได้เยอะ แต่เราชอบงานนี้เพราะว่ามันเป็นการเอาชนะตัวเองได้แหละ ใครจะคิดไว้ว่าวันนึงเด็กฝึกงานอย่างเรา จะได้มาสัมภาษณ์วงเบอร์ใหญ่ของไทยพร้อม ๆ กัน ตอนแรกก็กล้า ๆ กลัว ๆ ระหว่างที่สัมภาษณ์ก็แอบตื่นเต้น มีทุลักทุเลไปบ้าง แต่ออกมาเป็นงานที่โอเค
ชวน Japanese Breakfast คุยเฟื่องเรื่องอาหาร การเป็นผู้กำกับ และการมาเยือนไทยครั้งที่สองของเธอ
นี่ก็เป็นอีกงานสัมภาษณ์ที่ตื่นเต้น ถึงจะได้สัมภาษณ์ศิลปินไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่พอได้มาสัมภาษณ์ศิลปินต่างชาติเป็นครั้งแรกจริง ๆ มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี ตอนสัมภาษณ์ได้เวลาสัมภาษณ์ 15 นาที คุยเพลินเลย แป๊บเดียวก็หมดเวลาแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งด่านทดสอบเราได้ดีเลย พอผ่านก็รู้สึกว่าเก่งขึ้นมาหน่อยนึงละ
8 เพลงจากวงละตินอเมริกัน แม้ฟังไม่ออก ก็อินได้
งานชิ้นแรก ๆ ที่ได้เขียนแล้วรู้สึกว่าสนุกมาก มีจุดเริ่มไอเดียนี้มาจากวง CLUBZ ซึ่งเป็นวงจากเม็กซิโกที่เรารู้จักมานานแล้ว พอไล่อัลกอริธึมฟังเพลงไปเรื่อย ๆ ก็เจอเพลงดี ๆ จากวงในทวีปละตินอเมริกาเพียบ พอไปเสนอเรื่องนี้ให้พี่ ๆ ในทีม ก็ได้เพลงกลับมาฟังเพิ่มอีก
สกิลที่ควรมีในการฝึกงานตำแหน่ง Content Creator
- สกิลในการสื่อสารบอกเล่าเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นงานเขียน ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวก็ได้ เราถนัดด้านงานเขียนก็เลยได้เขียนเยอะหน่อย นอกจากนี้สกิลค้นคว้าหาข้อมูล การแปลบทความ หรือมีความคิดสร้างสรรค์ก็จำเป็น และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการเรียบเรียงข้อมูลออกมาให้ย่อยง่าย สามารถหยิบจับประเด็นต่าง ๆ มาทำคอนเทนต์ได้
- สกิลการสัมภาษณ์ ถ้าไม่เคยสัมภาษณ์ใครมาก่อน ครั้งแรกก็จะตื่นเต้นหน่อย ๆ แต่รับรองว่าพอผ่านครั้งแรก ๆ ไปได้แล้วก็สบายละ
- ความรู้เกี่ยวกับเรื่องดนตรี ควรมีในระดับนึงนะ แล้วการทำงานต่าง ๆ จะง่ายขึ้น นอกจากนี้ ความรู้รอบตัวก็สำคัญด้วย เรื่องข่าวสารบ้านเมือง เหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับสังคม หรือเรื่องราวสนุก ๆ ที่ไปเจอมา เอาไว้เขียนลง Slice
- ความขยัน คิดไว้ซะว่าการฝึกงานคือการมาทำงานจริง ๆ ไม่ควรมานั่งเปื่อยปล่อยเวลาผ่านไปแบบเปล่าประโยชน์ ทุก ๆ อาทิตย์จะมีประชุมประจำทีมหนึ่งครั้ง เวลาเจอเรื่องอะไรอยากเขียนก็เสนอพี่ ๆ ในทีมได้เลย ทำงานเยอะ = ได้ฝึกเยอะ
- สกิลชงมุก ตบมุก ฝึกไว้ให้ดีนะ ไม่งั้นไม่ผ่านฝึกงาน บอกเลยว่าที่นี่มีเสียงหัวเราะทุกวัน
โมเมนต์ที่น่าจดจำ ฝึกงานกับฟังใจ
- ชวนกันออกไปหาไรกินตอนเย็น ๆ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ รถเข็นขายอาหารปิ้งย่าง อาหารตามสั่ง (ร้านป้าตุ๊ก) หรือ 7-11
- แหกขี้ตามาดูบอลนัดชิง UCL กับพี่ ๆ ถึงออฟฟิศที่อารีย์ ทั้งที่บ้านตัวเองก็อยู่ไกลถึงบางแค แต่ดูบอลหลาย ๆ คนย่อมสนุกกว่าดูคนเดียว และแน่นอนว่า Liverpool ได้แชมป์ UCL สมัยที่ 6 ไปครอง
- ไปดูคอนเสิร์ตกับพี่ ๆ ในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็น Japanese Breakfast, Fungjai Crossplay 3, อำลา The Whitest Crow, Yaeji และอื่น ๆ
- Outing ที่ BOUNCE Thailand โดดจนเหนื่อยมาก วันต่อมาปวดขาเลยทีเดียว พอเล่นเสร็จได้ไปกินกินบุฟเฟ่ต์กันต่อ
- ติดสอยห้อยตามพี่ ๆ ไปร้าน OverSeoulBKK ตรงสนามเป้า เพลงที่เปิดในร้านช่วงดึก ๆ นี่เหมือนได้กลับไปตอนมัธยมต้นอีกครั้ง สมัยที่เพลงเกาหลีกำลังบุกเบิดตลาดเพลงบ้านเรา
- ชวนกันไปออกกำลังกาย ไม่ว่าจะไปเตะบอล หรือตีปิงปองที่ออฟฟิศ
- ปาร์ตี้ที่ออฟฟิศ พี่ ๆ สรรหาหากิจกรรมมาให้เล่นกันประจำ แถมยังมีโมเมนต์ให้ขำจนปวดท้องตลอด
เพลงที่ได้ฟังแล้วจะคิดถึงออฟฟิศ
เพลงนี้นี่ยืนหนึ่งจริง ๆ ฟังจนจะแร็ปบางท่อนของเพลงนี้ได้ละ ส่วนเวลาที่นี่เค้าปาร์ตี้กันที บอกได้เลยว่า turnt กันยันดึก
หลอนหูมาก ๆ ในออฟฟิศนี้มีพี่คนนึงทำเสียงเหมือนมาก ๆ ด้วยนะ ข้าวผัดสับปะรด!
ก่อนมาฝึกงานที่นี่ เป็นช่วงที่งาน Toro y Moi ประกาศว่าจะมาไทยพอดี ตอนนั้นก็เลยฟังรัว ๆ ทุกเช้าตอนลงจาก BTS อารีย์ แล้วต้องเดินมาที่ออฟฟิศฟังใจ รู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่จังหวะการย่ำเท้าของเราตรงกับบีตในเพลงนี้พอดี ภายหลังเลยได้เขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับ ‘เพลงที่ใช้ฟังตอนเดิน’ ส่งผลกับการเดินของเรายังไงจริง ๆ
เป็นเพลงที่สมัยก่อนฟังบ่อยมาก แต่หลายปีที่ผ่านมาลืมเพลงนี้ไปเลยจนได้มาเขียนคอนเทนต์ เพลงที่นักกีฬาระดับโลกใช้ฟังก่อนแข่งตอนท้ายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่ Manny Pacquiao ใช้ฟังก่อนขึ้นชก หลังจากนั้นเราก็กลับมาติดเพลงนี้ไปพักใหญ่เลย เปิดฟังตอนนั่งทำงานที่ออฟฟิศฟังใจเป็นประจำ แล้วต้นเดือนมิถุนายน Maho Rasop Festival 2019 ก็ได้ประกาศไลน์อัพเฟสแรกที่มี Bombay Bicycle Club เป็นเฮดไลน์ด้วย งานนี้ดีใจสุด ๆ ไปเลย สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่ซื้อบัตรมหรสพก็อยากให้ชั่งใจดี ๆ อีกครั้ง วงแบบนี้ไม่ได้มีมาให้ดูบ่อย ๆ นะครับ (ขอขายของหน่อย!)
ฝากอะไรทิ้งท้าย
อยากขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนในออฟฟิศเลย เราได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาฝึกงานจนวันสุดท้ายของการฝึกงาน ได้หัวเราะจนท้องแข็ง ได้ความรู้ และได้มิตรภาพดี ๆ ไปจากที่นี่เยอะเลย เป็นประสบการณ์ฝึกงานตลอด 3 เดือนที่ดีมากจริง ๆ ผมคงไม่อยากบอกลาอะไรหรอก เดี๋ยวก็ได้เจอกันตามงานคอนเสิร์ตอีก หรือไม่ก็ไว้จะกลับมาเยี่ยมใหม่นะครับ
คำถามจากทางบ้าน:
คาดหวังกับสิ่งที่ตัวเองจะได้ทำในช่วงฝึกงานไหมคะ กลัวไหมว่าจะทำได้ไม่ดี?
แน่นอนว่าคาดหวังอยู่แล้ว เราตั้งใจมาฝึกที่นี่เพราะอยากจะเรียนรู้งานอะไรหลาย ๆ อย่าง เราได้เห็นภาพรวมของที่นี่ว่าแต่ละแผนกว่าทำงานกันเป็นทีมยังไง มีระบบต่าง ๆ อย่างไรบ้าง แล้วเราก็ได้อะไรกลับไปจริง ๆ สกิลการทำงานพัฒนาขึ้นเยอะ ส่วนเรื่องกลัวไหมว่าจะทำงานได้ไม่ดี ตอนแรก ๆ เราก็ตื่นเต้น กดดัน และกลัวความคาดหวังจากคนอื่นเหมือนกันนะ เพราะที่ฟังใจเลือกเรามาแล้วจากผู้เข้าสมัครทั้งหมด เราก็อยากพิสูจน์ให้พี่ ๆ เห็นว่าเลือกถูกคนแล้ว งานชิ้นแรก ๆ นี่จำได้ว่า edit งานซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแหละ เพราะกลัวเขียนไม่ดี แต่อยู่ไปอยู่มาเราก็มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น อย่ากลัวความผิดพลาด เพราะมันจะเป็นบทเรียนที่สอนให้เราเก่งขึ้น
เรียนไม่ตรงสาย สามารถไปฝึกงานกับฟังใจได้ไหม?
ถ้าให้ดีก็ควรสมัครให้ตรงกับสายที่เรียนมา อยากให้คิดรอบคอบก่อนว่าที่เราเรียนมาเกี่ยวกับอะไร แล้วเราจะเอาความรู้จากที่ฝึกงานไปต่อยอดในอนาคตยังไง นอกจากนี้เด็กฝึกงานควรกลับไปคิดเพิ่มเติมด้วยว่า เราจะให้อะไรกับที่ฝึกงานได้บ้าง แต่ถ้าเกิดคุณคิดว่าคุณมีสกิลที่สามารถทำงานได้จริง ๆ ในตำแหน่งที่อยากสมัคร เราก็อยากให้ลองสมัครมาก่อน เพราะเราเองก็ไม่ได้เรียนมาตรงสายตำแหน่งที่ฝึกงานซะทีเดียว แต่เราก็ฝึกฝนเรียนรู้บางเรื่องด้วยตัวเองมาก่อนจะสมัครที่นี่ พอได้มาฝึกจริง ๆ ก็ทำงานได้ประมาณนึง แล้วอีกส่วนนึงก็ต้องมาเรียนรู้เพิ่มเติมจากที่ฟังใจ พอมีเรื่องไหนไม่เข้าใจก็พยายามขอคำปรึกษาจากพี่ ๆ ในทีม
คุณสมบัติหลักที่เด็กฝึกงานฟังใจต้องมี?
จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไปแหละ ถ้านอกจากสกิลตามตำแหน่งที่ฝึกแล้ว เราว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรับผิดชอบ เด็กฝึกงานต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและคนในทีม นอกจากนี้ก็ควรมีทัศนคติในการทำงานที่ดี มีความกระตือรือร้น เปิดรับความรู้ใหม่ ๆ ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดี แล้วก็อย่ารอให้คนอื่นป้อนงานอย่างเดียว มีอะไรก็เสนอพี่ ๆ ในทีมได้เลย
เวลางาน?
เลือกเวลาเข้างานได้เอง (9 AM – 11 AM) แล้วก็นับไปแปดชั่วโมงหลังจากนี้
กินดีอยู่ดีไหม?
น้ำหนักขึ้นแน่นอนจ้า อยู่ดีกินดีเหลือเกิน มีพี่ ๆ ชวนไปหาอะไรกินตลอด แถมในซอยออฟฟิศยังมี 7-11 ใกล้ ๆ เวิ้งอาหารตามสั่ง และของกินตลอดทางอีกด้วย ไม่ว่าจะขนมนมเนย ชากาแฟ หรือของหวาน ที่นี่มีให้คุณเลือกสรรเลย
ปาร์ตี้กันหนักไหม?
ปาร์ตี้ก็มีบ้าง แต่เวลาพี่ ๆ ทำงาน ก็ตั้งใจทำงานจริง ๆ
อยู่ออฟฟิศโดนแกล้งบ้างไหม?
แน่นอน! แต่เดี๋ยวหลัง ๆ ก็อยู่เป็นเองแหละ
ได้เงินไหม?
ฝึกที่นี่ได้รับค่าตอบแทนแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม
‘ฟังใจถาม เด็กฝึกงานตอบ’ รวมคำถามสุดป่วนจากพนักงานฟังใจสู่เด็กฝึกงาน
ฟังใจคือผู้คน ไม่ใช่สถานที่ เรื่องราวดี ๆ จากการเป็นเด็กฝึกงานที่ฟังใจ
‘เห็ดหูหนู(เอง)’ บทสัมภาษณ์ถามเองตอบเองโดยเด็กฝึกงาน ‘ฟังใจ’
เมื่อฉันเป็นเด็กฝึกงานในกอง Fungjaizine