ไป โดย Youth Brush
- Writer: Montipa Virojpan
ไป ‘Youth Brush’
คำร้อง วิษณุ ลิขิตสถาพร
ทำนอง วิษณุ ลิขิตสถาพร
เรียบเรียง วิษณุ ลิขิตสถาพร
เบื้องหลังของเพลงชื่อเรียกพยางค์เดียวอย่าง ไป ที่พูดถึงความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงในเชิงปลดปลงนี้ แท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปจากอะไร และดุ่ยมีจุดประสงค์หลักที่ต้องการจะถ่ายทอดอะไรกับพวกเรา มาเจาะลึกความหมายของเนื้อเพลงในแต่ละบรรทัดไปพร้อม ๆ กันได้ที่นี่
ที่มาของเพลง ไป ที่มีคำว่า ‘ไป’ โผล่มาคำเดียวในตอนท้ายสุดของเพลง
คือต้องบอกก่อนว่า Youth Brush จะทำเพลงแบบแต่งเพลงไปเรื่อย ๆ แต่งเล่น ๆ หยิบกีตาร์ขึ้นมา เล่นเเบบไหน ชอบเเบบไหน ก็เอามาใส่เนื้อ บางครั้งก็เข้ากับอารมณ์ช่วงนั้น บางครั้งก็เเค่อยากเเต่งให้เสร็จ ๆ เพราะเสียดายเมโลดี้ที่คิดได้ เพลง ไป ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่หยิบกีตาร์มาเเล้วฮัม ๆ ได้ แล้วค่อยใส่เนื้อเพลง เอาจริง ๆ ก็จำไม่ค่อยได้ว่าเพลงนี้มีที่มามาจากอะไร จำได้แค่ความรู้สึกราง ๆ มันประมาณสองปีที่เเล้ว ช่วงนั้นปลงอะไรสักอย่างเกี่ยวกับชีวิตเรานี่แหละ ก็เลยเเต่งให้ตัวเอง เหมือนชีวิตคล้ายวงกลม ถ้าให้โยงไปถึงเรื่องสัจธรรมเดี๋ยวปวดหัว (หัวเราะ) เเต่เนื้อเพลง ก็เอาสิ่งที่ตัวเองรู้สึกนี่แหละไปเขียน มีท่อนนึงที่ร้องว่า “ไม่มีอะไรมั่นคง บนโลกใบนี้ยังคงไม่เเน่นอน” มีท่อนหลังที่หยิบประเด็นเรื่องเมฆบนท้องฟ้ามาเเต่ง จำได้ว่าเเรงบันดาลใจมาจาก ตอนมหาลัยปี 1 เข้าไปฟังบรรยายงานปัจฉิมนิเทศของรุ่นพี่ เเล้วมี น้าซัน มาโนช พุฒตาล มาบรรยาย เขาก็พูดถึงความไม่เเน่นอนนี่แหละ เขาบอกว่า “ไม่มีอะไรเเน่นอนหรอก ชีวิตนี่” ในใจของผมหรือทุกคนคงรู้อยู่ว่ามันเป็นสัจธรรม เเต่คำที่ทำให้ผมจดจำได้ทุกวันนี้คือการที่น้าซันบอกว่า “ไม่เชื่อคุณลองนึกภาพเมฆที่ลอย บนท้องฟ้า ก่อนเข้ามาในห้องประชุมเนี่ย ว่ามันเปนเเบบไหน คุณออกไปมันก็ไม่เหมือนเดิมเเล้ว อะ ๆ ที่นี้ สมมุติว่าก้อนเมฆท้องฟ้า กลับมาเหมือนเดิมทุกอย่าง รูปทรง การเคลื่อนไหวของเมฆเหมือนเดิมทุกอย่าง ด้วยเหตุผลอะไรก็เเล้วเเต่ เเต่ก็กลายเป็นตัวคุณนั้น ที่เดินก้าวออกไป โดยที่คุณไม่เหมือนเดิมเเล้ว” มันทำให้ผมจดจำ จนถึงทุกวันนี้ คำพูดของน้าซันเป็นเเรงบันดาลใจให้ผมเเต่งเพลงในอีก 2 ปีต่อมา
แล้วทำไมถึงต้องตั้งชื่อว่า ไป
ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็คิดง่าย ๆ เรื่องจากลา ก็เอาเป็นคำว่า ไป ละกัน ส่วนใหญ่ชื่อเพลงจะมาตั้งก่อนลง YouTube แปปเดียว
ฉันจะไม่วอนย้อนเวลาให้กลับมา หากว่าหวนคืนอย่างที่ตั้งไว้ เราจะสร้างพา ให้มันได้ดีเท่าไหร่
ตามเนื้อเลยครับ ก็คือว่า หากว่าหวนคืนอย่างที่ตั้งไว้ เเล้วเราจะเเก้ไขมันได้ดีกว่าเดิมสักเท่าไร
คงไม่มีวันกลับมา เวลาที่รู้สึกต่อสิ่งนั้นมันคงไม่กลับมา
สมมุติว่าเเก้ได้ เเต่ความรู้สึกมันก็เเก้ไม่ได้
และยังคงไม่โทษเรื่องการที่จากลา และอย่างน้อยเวลาทำให้เราหาย เก็บเอาเรี่ยวแรง ที่เหลือเพื่อสร้างขึ้นใหม่
ไม่โทษเรื่องการจากลา เพราะมันเป็นสัจธรรม ถึงว่ามันจะเเย่ เเต่เราก็มีเวลา คือหลายครั้ง ที่เราเคยพูดว่า “วันนี้คงเป็นวันที่เเย่ เเละไม่ดีที่สุด” ปรากฎว่า ในอนาคต พูดอีกเหมือนเดิม ก็อาจจะไม่ช่วยอะไร ก็ให้เอาเวลาที่พูดเเบบนั้น มาทบทวน เเล้วจำไว้เป็นบทเรียน เพื่อทำมันขึ้นมาใหม่
คงเพราะมีการจากลา ทำให้เริ่มใหม่อีกครั้งในคำว่าจากลา
คำว่าลา ในทัศนคติคนส่วนใหญ่ มันคือจุดจบ เเต่เราคิดว่า มันเป็นจุดที่จะเป็นจุดก่อนการเริ่มต้น ก่อนจะพบ ก็คงต้องมีลาก่อน เลยได้คำว่า ทำให้เริ่มใหม่อีกครั้งในคำว่าจากลา
ไม่มีอะไรมั่นคงบนโลกใบนี้ยังคงไม่แน่นอน เมฆที่ลอยไปมายังคงเคลื่อนไหวนั้นคงไม่เหมือนก่อน ถ้าหากเมฆที่ลอยไปมายังไม่เคลื่อนไหวและเป็นเหมือนวันก่อน และคงเป็นที่เราต้องเปลี่ยนแปลงไป
ก็หยิบยกประเด็นเรื่องที่เคยพูดไว้ในข้างต้นของบทสัมภาษณ์มาเเต่งอย่างที่บอก หรือสรุปง่าย ๆ เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนตัวเอง
มีคนเคยบอกไหมว่าชอบดุ่ยในเวอร์ชัน Youth Brush ที่จะดูเป็นคนซื่อ ๆ จริงใจ ๆ
คำตอบแต่ละกลุ่มเป้าหมายก็พอ ๆ กัน ไม่มีเเบบไหนมากกว่า คนเราคงรองรับการฟังเพลงได้หลายเเนว เหมือนเราที่ชอบทั้ง สหายแห่งสายลม และ Desktop Error
อยากลองทำโปรเจคอื่นนอกจาก Two Million Thanks หรือ Youth Brush หรือเปล่า แล้วจะทำออกมาแบบไหน
เคยทำเเล้วเเต่ไม่เสร็จ มีซ้อมรวมกันแล้วเเต่งเพลงขึ้นมา ขาดแค่การบันทึกเสียง ตอนนั้นทำเพลงร็อค เเบบร็อคแท้ ๆ เลย มีกลิ่น ฮาร์ดร็อค อีกเเบบคือ พั้งค์อีเลคทรอนิค อันนี้ก็คิดไว้ เเต่ยังไม่ได้เริ่มเลย
ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้ามีโปรเจคอันนั้น จะตั้งชื่อว่าอะไร
วงร็อคเคยจะตั้งชื่อว่าวง Kid D
ถ้ายังไม่เต็มอิ่มกับบทเพลงฟังสบายของ Youth Brush ตามไปฟังกันต่อได้ ที่นี่ แต่ถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้ดุ่ยกำลังจะมีงานอะไรใหม่ ๆ ออกมา หรือจะไปเล่นโชว์อะไรที่ไหน ไปอัพเดทความเคลื่อนไหวกันได้ในแฟนเพจของเขา ทั้ง Two Million Thanks และ Youth Brush กันได้แบบไม่ต้องเหนียมอาย